hostneverdie

weltrade

siamfocus

ตอนที่ 174 (บทความ) _ เปิดไฟเลี้ยวเถอะครับ ถ้ามันไม่ได้ทำให้บ้านพี่ไฟไหม้

 เปิดไฟเลี้ยวเถอะครับ ถ้ามันไม่ได้ทำให้บ้านพี่ไฟไหม้

16 กุมภาพันธ์ 2564

       จำไม่ได้ว่าเคยเขียนเรื่องนี้ไปรึยังนะครับ แต่ว่าวันนี้โดนอีกแล้ว ก็เอามาเขียนอีกสักรอบก็แล้วกัน แล้วถ้าโดนอีก ก็อาจจะเอามาเขียนอีกเรื่อยๆ ฮ่าๆๆ ก็มันหงุดหงิดจริงๆนี่ครับ ซื้อใบขับขี้มารึไง ทำไมถึงได้ไม่มีมารยาท ไม่รู้กฎหมายได้ขนาดนั้น ใครๆก็รู้ว่า ถ้าจะเลี้ยว ต้องเปิดไฟเลี้ยวก่อน ไม่ใช่เลี้ยวเสร็จแล้ว ค่อยเปิดไฟแล้ว แหม พูดละขึ้นๆ

       วันนี้ที่เจอมาก็คือ ขี่มอเตอร์ไซค์ตามหลังรถกระบะคันหนึ่งครับ แล้วรถคันนั้นมันขับแบบเบี่ยงขวานิดนึงครับ ทำให้ผมแซงไม่ได้ ก็ต้องขี่ตามไปเรื่อยๆ แล้วก็ไม่รู้ว่าเขารอให้ผมแซง หรือว่าเขารอจังหวะออกขวาก็ไม่รู้นะครับ เพราะขี่ตามกันไปไกลอยู่ ซึ่งจังหวะแซงผมทำไม่ได้ครับ เพราะเขาเบี่ยงขวานิดๆ เบียดเลนอยู่ ช่องว่างในการแซงมันไม่พอครับ

       จนในที่สุดเขาก็เปลี่ยนเลนไปเลนขวาตามที่คิดไว้ครับ แต่ที่หงุดหงิดคือ เขาเข้าไปค่อนเลนแล้วครับ ถึงจะเปิดไฟเลี้ยวขวา จริงๆถ้าเปิดไฟเลี้ยวขวาตั้งแต่แรก ผมอาจจะผ่อนความเร็ว แล้วเบี่ยงออกซ้ายไป แล้วเขาก็เข้าเลนขวาไปเลยก็ได้ แต่ทำไมเขาไม่ทำ ทำไมไม่เปิดไฟเลี้ยวขวาตั้งแต่แรก จะรอให้ผมแซงก็ไม่น่าใช่ เพราะตัวเองขับเบียดขวา จนผมไม่มีช่องให้แซง

       จบเหตุการณ์แรกไป ก็ไปเจออีกเหตุการณ์ (วันซวยอะไรเนี่ย) รอบนี้รถจะเข้าซอยครับ เหตุการณ์นี้หลายๆคนคงจะเคยเจอกับตัวเองบ่อยๆ ผมขี่ตามหลังรถเก๋งครับ ขี่ตามฝั่งซ้าย ค่อยๆขี่ เพราะไม่รีบ แต่อยู่ๆเก๋งก็ชะลอๆๆ ผมก็ดูถนนข้างหน้านะครับ ว่าเกิดอะไรขึ้น มีรถติด หรือรถออกจากซอยรึเปล่า แต่ว่ามันไม่มีอะไรเลย นอกจากถนนโล่งๆครับ

       เอาล่ะ ตอนนั้นผมรู้ตัวแล้วว่า ผมโดนแล้ว ถ้าไม่จอด ก็เข้าซอยแน่ๆ แต่ทำไมไม่เปิดไฟเลี้ยว ไม่เข้าใจจริงๆ ผมตัดสินใจไม่ออกขวาเพื่อแซงครับ ผมจะรอดูว่า เขาจะทำอะไร แล้วจะเปิดไฟเลี้ยวหรือไม่ ปรากฏว่าเขาก็ชะลอเรื่อยๆ จนถึงปากซอย แล้วเปิดไฟเลี้ยวซ้ายครับ ผมถึงค่อยออกขวาแล้วแซงไป 

       ในความคิดคือแบบ ซื้อใบขับขี่มารึไง ในข้อสอบการสอบใบอนุญาตขับขี่ก็มีระบุไว้ว่า "เปิดให้สัญญาณไฟในระยะ 30 เมตรก่อนถึงแยก และให้เห็นสัญญาณได้ในระยะ 60 เมตร" ซึ่งแน่นอนว่ามันกะระยะบนถนนไม่ถูกหรอกครับ แต่มันก็ไม่ใช่ 1 เมตรก่อนเลี้ยวแน่ๆล่ะ แหม พูดละขึ้น ฮ่าๆๆ

       เอาเป็นว่า ขับขี่รถบนท้องถนน ควรมีความเห็นใจคนอื่นด้วยนะครับ จะเลี้ยว จะแซง จะชะลอ หรือจะทำอะไร ควรมีสัญญาณให้ชัดเจนจะดีกว่าครับ เพราะคนอื่นเขาไม่รู้หรอกว่า เราจะทำอะไรกันแน่ ป้องกันการโดนด่านะครับว่า "เปิดไฟเลี้ยวแล้วบ้านมึงจะไฟไหม้รึไง ไอ้เหี้ย"


ขอบคุณครับ

ต.ต้น

ตอนที่ 173 (บทความ) _ เมื่อไหร่ละครไทย จะนำสังคมไปในทางที่ดี

เมื่อไหร่ละครไทย จะนำสังคมไปในทางที่ดี

9 กุมภาพันธ์ 2564

       ปัจจุบันละครไทยมีทั้งที่สะท้อนสังคม และนำสังคมไปในทางที่ดี แต่ส่วนใหญ่แล้วที่จะนิยมกัน ก็จะเป็นพวกสะท้อนสังคมซะมากกว่า ถามว่าเพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะว่า คนเข้าถึงง่าย เข้าใจง่ายยังไงล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาเสพติด เรื่องความรุนแรง เรื่องเพศ เรื่องความรักผิดๆ ฯลฯ ก็อีกเยอะล่ะครับ ก็ไม่รู้เรียกว่า สะท้อนสังคม หรือเอาแค่ชีวิตจริงมาทำละครกันแน่

       แต่เชื่อเถอะครับว่า มันไม่ได้ทำให้สังคมดีขึ้นสักเท่าไหร่หรอกครับ ดีไม่ดี นำพาสังคมไทยดำดิ่งลงไปอีกด้วยซ้ำ

       จะยกตัวอย่างทีละข้อๆ ที่เห็นในละครไทย แล้วมันไม่ได้ช่วยให้สังคมไทยดีขึ้นเลยก็แล้วกันนะครับ

       เรื่องยาเสพติด ที่เห็นๆส่วนมากเลยก็คือ เจ้าพ่อ นี่เลยยยย รวยมาเลย มีอิทธิพลสุดๆ มีเงินเยอะแยะ แต่ถามว่ารวยเพราะอะไร ในละครก็บอกว่า มีการยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดนั่นเอง แม้ว่าในตอนท้ายเรื่องเจ้าพ่อจะโดนจับ แต่ถามว่า ความรวยที่เห็นในละคร คนธรรมดาๆที่ดูละครอยากรวยมั้ย ตอบได้เลยว่า อยากรวยแน่ๆ และมันก็ทำให้คนธรรมดาๆ มุ่งหายาเสพติดเพื่อหวังรวยยังไงล่ะครับ

       เรื่องยาเสพติดอีกนิดหนึ่ง จะมีบทของวัยรุ่นติดยาเสพติดครับ แล้วในละครก็ช่วยกัน จนในที่สุดก็หายติดยา หรือถ้าเป็นตัวร้ายก็อาจจะตาย ถามว่า มันสะท้อนสังคมมั้ย มันก็สะท้อนสังคมแหละ แต่มันก็สะท้อนมากี่ปีแล้ว มันช่วยสังคมมั้ยล่ะ ผมว่าไม่นะ ดีไม่ดี วัยรุ่นอยากลองยามากกว่าเดิมอีก เพราะคำว่าสะท้อน มันก็เหมือนส่องกระจก ส่องเจออะไรไม่ดี ก็มีโอกาสเลียนแบบได้นั่นเอง

       ทำไมไม่ทำละครที่ตัวละครทำอาชีพดีๆ เป็นตัวอย่างดีๆ รวยเพราะขยันทำงานล่ะ แม้มันจะเพ้อฝัน ขายฝัน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้สังคมแย่ลงนะ ถ้าไม่เชื่อ ถามกัปตันอเมริกาดูสิ

       เรื่องความรุนแรง ในละครมีเยอะมากที่เอะอะตบ เอะอะกระทืบ จิกหัว รุมทำร้าย เจอคู่อริ เรียกพวกไปรุม ความรุนแรงทั้งน้านนนน อยากจะถามว่า ทำไปทำไม ยิ่งทำก็ยิ่งเป็นตัวอย่างให้สังคมไปในทางแย่ๆ อยากให้คนไทยไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา แต่ละครแม่งตีกันโครมๆ แล้วคนไทยที่ดูละคร ก็เลียนแบบกันไปสิครับ อย่าบอกว่า ก็คนที่ใช้ความรุนแรงไม่มีหัวคิดนะ เขาคิดแหละ แต่คิดแบบในละครไง

       ถ้าในละครสู้กันด้วยคำพูด สู้กันด้วยเหตุผล เถียงกันแทบเป็นแทบตาย แต่ก็ไม่ลงมือเลย มันจะดีกว่ามั้ย ถึงจะคันไม้คันมือเต็มที่ แต่ก็เป็นคนที่คิดได้ เลยไม่ลงมือ แบบนี้จะดีกว่ามั้ย อ้างอิงความเป็นจริง ความเป็นมนุษย์ ทำละครนำสังคมดีๆ คนก็ไม่ใช้ความรุนแรงได้นะครับ

       เรื่องเพศ อันนี้หนักเลย สาหัสมาก ที่เราเรียกกันว่าละครตบจูบนี่ ตัวดีเลยครับ พระเอกตบนางเอก ทำร้ายนางเอก แล้วลงท้ายที่ พระเอกข่มขืนนางเอก จนสุดท้าย พระเอกก็ได้นางเอก แอร๊ยยยยย ใครแม่งคิดพล็อตนี้วะ อุบาทมาก รู้มั้ยว่าในสังคมมันเลียนแบบกันเยอะมาก ความคิดของผู้ชายที่อยากได้ผู้หญิงสักคน ต้องข่มขืน แล้วสุดท้ายก็ทำดีด้วย สุดท้ายจะได้เป็นแฟนกัน เชี่ยยยย แม่ง คิดได้ไงวะ

       หรือนางตัวร้าย อยากได้พระเอก ต้องอ่อยพระเอก ให้พระเอกเอากูให้ได้ แล้วพระเอกก็จะเป็นของกู แอร๊ยยยยย นี่ก็อุบาท ใครคิดวะ บางทีในเรื่องนางร้ายอ่อยจะได้พระเอกนะ แต่จบที่นางร้ายโดนทิ้ง เอ้าาาา อิหยังวะ แบบนี้ก็ได้เหรอ พอสังคมเลียนแบบ ก็กลายเป็นว่า ความมั่วในเรื่องเพศมันกลายเป็นเรื่องปกติในสังคมไปซะแล้ว

       หรืออีกบทคือ นางร้าย(อีกละ) อ่อยพระเอก แต่พลาดเว้ยเฮ้ย โดนตัวร้ายข่มขืนแทน แล้วแม่งสุดท้ายก็ได้กันไปเฉยเลยก็มี หรืออีกสักบท นางเอกโดนตัวร้ายข่มขืนเว้ยเฮ้ย แต่สุดท้ายไม่เอาตัวร้าย ไปได้กับพระเอกแทน แอร๊ยยยยย ฟิน...ไม่ใช่ละ เนี่ยครับ เรื่องเพศในละคร บางทีมันก็ทำให้สังคมมองเรื่องเพศเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เพราะในละครมีให้เห็น จะมั่วขนาดไหน ยังไงสุดท้ายก็ได้ใครสักคนเป็นคู่แหละ มันก็เลยมั่วกันสุดๆไปเลย

       เรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์นะครับ แต่มันจะดีกว่ามั้ยถ้า มันเกิดจากความสมยอม ไม่ใช่การข่มขืนน่ะครับ แล้วก็ต้องยอมรับว่า ตอนนี้โลกเปิดกว้างมากขึ้นจริงๆ การมีเซ็กกันหลากหลายขึ้น ทั้งเพื่อหาเงิน(ไซด์ไลน์) ทั้งเพื่อความบันเทิง(FWB) หรือมีทั้งแบบสลับคู่(SWING) ไม่ว่าจะรูปแบบไหน ก็ไม่อยากให้ละครนำมาใส่ในละครครับ ปล่อยให้เป็นเรื่องของสังคมจริงๆมันไปจะดีกว่าครับ

       เรื่องความรักผิดๆ อันนี้ก็เข้าข่ายเมียน้อยล่ะครับ ละครหลายเรื่องนะ มีบทเมียน้อย ซึ่งมันก็นำพาสังคมให้อยากเลียนแบบนะครับ รวมไปถึงเรื่องฝ่ายหญิงมีชู้ด้วยก็มี มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรนำมาใส่ในละครเลยครับ เพราะคนที่เป็นน้อย หรือเป็นชู้ในละครนั้น โคตรจะสบายเลยครับ มีเงินใช้ มีที่อยู่สบายๆ แม้ตอนจบจะพัง แต่คนที่เห็นในละคร ก็อยากลองในชีวิตจริงใช่มั้ยล่ะครับ มีเงิน อยู่สบาย เสียแค่ตัวเอง ใครไม่อยากทำล่ะ

       ที่ผิดๆอีกเรื่องคือ พระเอกมีแฟนอยู่แล้ว แต่ไปเจอนางเอก ก็เลยเปลี่ยนสถานะของแฟนพระเอก ไปเป็นนางร้ายเฉยเลย คิดดูดีๆนะครับ จริงแล้ว นางเอกแย่งพระเอกมานะครับ ถ้าในชีวิตจริง มันสมควรเหรอครับ หรือจะบอกว่า เขาแค่แฟนกัน พระเอกยังมีสิทธิเลือก แล้วแฟนพระเอกล่ะครับ ทำไมเขาต้องเสียสละให้นางเอกด้วยล่ะ ทำไมเขาต้องถูกคนเกลียดเมื่อเขาอยากได้พระเอกซึ่งเป็นแฟนของเขาคืน

       จริงอยู่ว่าในสังคมจริงๆมันก็มีเรื่องแบบนี้อยู่เยอะ แต่ก็อยากจะถามว่า แล้วทำไมละครต้องนำสังคมด้วยการแย่งคนที่อยากได้แบบนั้นด้วยล่ะครับ มันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีไม่ใช่เหรอ คนอาจจะคิดว่า ฉันเป็นนางเอก ฉันเป็นพระเอก ฉันต้องได้คนที่ฉันอยากได้ เพราะในละครทำได้ ฉันก็ต้องทำได้ แบบนี้มันก็มีจริงๆนะครับ คนมักคิดเข้าข้างตัวเองเสมอแหละ

       เอาล่ะครับ พอเท่านี้จะดีกว่าครับ ผมก็แค่บ่นล่ะครับ เพราะอยากเห็นละครไทยก้าวหน้าจากในอดีตครับ หลุดพ้นจากเรื่องยาเสพติด เรื่องความรุงแรง เรื่องเพศ เรื่องความรักผิดๆ น่ะครับ

       มันจะดีมากเลยถ้าละครไทยนำสังคมไปทางที่ดีเช่น คนรวย ก็รวยเพราะทำงานสุจริต, ทะเลาะกันด้วยเหตุผล ไม่ใช้ความรุนแรง, ไม่มีการข่มขืนกันในละคร รวมไปถึงไม่มีฉากเซ็กในละครเลย และไม่มีการแย่งชิงแฟนกันในละคร เอาแค่คนโสดๆมาเจอกันไปเลย 

       แต่ก็นะ ถ้าไม่มีบทพวกนั้นที่ว่ามา ละครก็คงจืดชืด ไม่สนุกแน่ๆเลย แต่ถ้าไม่เริ่มทำละครดีๆสักที แล้วเมื่อไหร่สังคมไทย จะดีขึ้นสักทีล่ะครับ จริงมั้ยครับ

ขอบคุณครับ

ต.ต้น

ตอนที่ 172 (บทความ) _ จะเยียวยา หรือจะเล่นเกม ?

 จะเยียวยา หรือจะเล่นเกม ?

8 กุมภาพันธ์ 2564

       อยากจะถามรัฐบาลประยุทธ์สุดๆเลยครับ ว่านี่พวกท่านกำลังทำการเยียวยา หรือพวกท่านกำลังเล่นเกมอะไรกับประชาชนอยู่กันแน่ เพราะโครงการที่ออกมา มันช่างเหมือนกันเลยเกมซะมากกว่านะ

       ทำไมถึงเหมือนเล่นเกมน่ะเหรอ ก็เพราะว่า เกมน่ะ จะเล่นเฉพาะคนที่สนใจ และมีอุปกรณ์พร้อมยังไงล่ะ ใครไม่สนใจ ก็จะไม่เล่น หรือใครที่อยากเล่น แต่อุปกรณ์ไม่พร้อม เขาก็ไม่เล่นไง จริงมั้ยล่ะครับ

       หากเปรียบเทียบกับเงินเยียวยาในชีวิตจริงๆ มองภาพกว้างๆ ก็จะเห็นว่า เออนี่ล่ะ การเล่นเกม ไม่ใช่การเยียวยาอย่างจริงใจของรัฐบาลเลย

       สมมุติว่ามีคนอยู่ 100 คนที่ได้รับผลกระทบจากโควิค และต้องได้รับการเยียวยาครบทุกคน แต่รัฐบาลบอกว่า เอ้า ใครอยากได้รับการเยียวยานะ ต้องลงทะเบียนนะ มีสิทธิทั้งหมด 70 คน ห๊ะ เชี้ยละ  ที่ต้องเยียวยา 100 คน แต่มีสิทธิแค่ 70 คนเนี่ยนะ นี่เกมที่ 1 ละ

       ในการลงทะเบียนรับสิทธินั้น ต้องมีโทรศัพท์ที่เล่นอินเตอร์เน็ตได้ หรือสมาร์ทโฟนด้วย ใน 100 คน อาจจะมีเพียง 90 คนก็ได้ที่มีพร้อม ดังนั้นเงื่อนไขนี้ก็ตัดคนออกไปเลย 10 คนแน่ๆละ แล้วก็มีคนรวยบางคนบอกว่า โห เดี๋ยวนี้สมาร์ทโฟนราคาไม่แพง 500 ก็ซื้อได้แล้ว ครับ!!! 500 ค่าโทรศัพท์ พอมีโทรศัพท์ก็ต้องมีอินเตอร์เน็ต ไปดูค่าเน็ตครับ แพงกว่าค่าโทรศัพท์ไปอีก ก็จะมีคนรวยมาบอกว่า อินเตอร์เน็ตฟรีก็มี ครับ!!! ถ้ามันจะลำบากขนาดนั้น ไม่ต้องเยียวยากูก็ได้ครับ นี่เกมที่ 2 ละ

       เปิดลงทะเบียน 6 โมงเช้า แน่นอนว่า ทุกคนต้องแหกขี้ตาตื่นมาแย่งกัน ถ้าคนที่ว่างๆ ก็อาจจะตื่นมานั่งรอ นอนรอได้เลย แล้วพอ 6 โมงปุ๊บ ก็พรึ่บๆๆๆ 8 นาที สิทธิเต็ม!!! แม่งเอ้ย แย่งกันอย่างหมาแย่งกระดูก แล้วคนที่เขาไม่พร้อมตอน 6 โมงเช้าล่ะ พ่อค้าแม่ค้าที่ต้องขายของตั้งแต่ก่อน 6 โมงล่ะ จริงอยู่ว่าเขาตื่นอยู่ แต่เขาจะมานั่งรอลงทะเบียนไม่ได้นะ เขาต้องทำงานไง ไม่ว่างหรอก นี่เกมที่ 3 ละ

       คนที่ลงทะเบียนได้ พอลงทะเบียนไป เอ้า สิทธิไม่ผ่าน ติดเงื่อนไขโน้นนี่นั่นไปอีก เงื่อนไขเยอะเกิ๊นนนน ถ้าการเยียวยามีเงื่อนไขแบบนี้ มันก็เป็นเหมือนการเล่นเกม ที่ต้องมีไอเทม มีเลเวลตามเงื่อนไข ถึงจะได้ผ่านด่านนั่นแหละ เกมมั้ยล่ะ เกมที่ 4 ละ

       พอละ ขี้เกียจเขียนละครับ ยิ่งเขียน ยิ่งหงุดหงิด อยากจะบอกว่าคนเขียนเอง ก็ไม่ได้สิทธิอะไรเลยสักอย่าง ติดเงื่อนไขเยอะ แล้วก็ไม่ชอบวิธีการที่ต้องแย่งชิงด้วยครับ (อันนี้คนเขียนอาจจะผิดที่ไม่ชอบแย่งชิง เลยไม่ได้สิทธิ) หากรัฐบาลจะเยียวยาจริงๆ ก็ไม่ควรมีเงื่อนไขเยอะแบบนี้ครับ เพราะทุกคนได้รับผลกระทบหมด เพียงแต่ว่าจะมาก หรือน้อยต่างกันก็แค่นั้น 

       รัฐบาลมีข้อมูลในทะเบียนราษฎร์ การเปิดดู แล้วก็เยียวยาตามในทะเบียนราษฎร์ด้วยการมอบเงินไปตามที่อยู่ตามทะเบียนบ้านเลย มันก็จบละ คนละเท่าๆกันไปเลยก็ได้ น้อยหน่อย แต่ก็ได้ทุกคน มันน่าจะดีกว่ามั้ย (อาจจะโดนด่าว่าเยียวยาด้วยเงินน้อย แต่มันก็ได้ทุกคนนะ)

       หากอยากจะให้เศรษฐกิจฟื้น ควรเยียวยาทุกคนครับ เพราะแต่ละคนก็ใช้เงินในรูปแบบต่างๆกันไป ถ้าการเยียวยาไปกระจุกที่คนกลุ่มเดียว เงินมันก็จะไปฟื้นเศรษฐกิจได้แค่กลุ่มเดียวครับ ซึ่งมันอาจไม่มีประโยชน์มากพอก็ได้ครับ

       อ่อ อีกอย่างนะ เป็นอะไรมากกับแอปพลิเคชั่น กับการลงทะเบียนเหรอ มันสนุกเหรอ มาลองใช้เองบ้างมั้ยล่ะ หรือเป็นแค่คนคิด เลยคิดว่า เออ สนุกๆๆ ประชาชนแย่งกันเหมือนหมาเลย สนุกจังเลยยยยย เป็นการเช็คเรตติ้งไปด้วยในตัว งี้ป่ะ แม่ง ไอ้...

       อยากให้สังคมไทยเป็นยุค 4G หรือ 5G สังคมไร้เงินสดน่ะ พอจะเข้าใจ แต่มันใช่เวลามั้ย ห๊ะ? เหมือนตอนนี้ไฟไหม้บ้านอยู่ แต่มึงอยากทดลองไฟบอลอะ โยนไส่ทีละลูกๆ โยนตรงนั่น โยนตรงนี้ ดูว่าจะดับไฟเป็นยังไงบ้าง กว่าไฟจะดับ บ้านมึงก็ไหม้ไปเยอะละ เฮ้ออออ

       สุดท้ายนี้ อยากจะถามรัฐบาลประยุทธ์ว่า จริงใจกับประชาชนบ้างมั้ย หรือเห็นประชาชนเป็นแค่พวกคนจนๆ เป็นพวกที่ต้องอยู่ในอำนาจของคนมีเงินเท่านั้น ถึงได้เหมือนเล่นเกมกันแบบนี้ เยียวยาในรูปแบบเกมแบบนี้ เอ๊ะ จะว่าไปแล้ว คนที่เป็นเจ้าของเกม ก็ได้เงินไปเพียบเลยสิ อุ๊ย!!!

ขอบคุณครับ

ต.ต้น