นักเขียนอิสระ ต.ต้น

นักร้องในอดีต และปัจจุบัน 27 / 04 / 2558      เข้าใจว่าโลกมันเปลี่ยนไปตามกาลเวลานะครับ นักร้องก็ต้องเปลี่ยนตาม ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา หรือแม้กระทั่งแนวเพลงที่มันมีหลายแนว จนผมคิดว่ามันจะเยอะไปแล้วนะ (หรือเราจะแก่แล้ว เลยตามแนวเพลงไม่ทัน)      เมื่อก่อนนี้นักร้องไม่ขายหน้าตานะครับ (จริงๆก็ขายอยู่ แต่ไม่เน้นมาก) เขาจะขายตรงความสามารถในการร้องเพลงซะมากกว่า เสียงดีก็กินขาด แฟนเพลงก็จะเยอะ บางคนมีท่าเต้นด้วย ก็จะมีท่าเต้นประจำตัว ประจำเพลงให้แฟนคลับได้จดจำ แล้วก็เต้นตาม หากเทียบกับสมัยนี้เหรอครับ ผมพูดได้เลยว่า ถ้าเทียบความสามารถในการร้องเพลงแล้วล่ะก็นะ ตัวต่อตัวนักร้องในอดีตกินขาดประมาณ 75% เลยทีเดียว แต่ถ้าเทียบกันที่หน้าตาคงต้องยกให้สูสี หรือไม่ก็นักร้อง (หน้าเกาหลี) ในปัจจุบันมีภาษีดีกว่านิดๆสัก 60% (คือ กูเดาล้วนๆ)      นักร้องที่เปิดตัวในสมัยนี้เน้นหน้าตาเป็นหลักซะมากกว่าเสียงร้องแล้วล่ะครับ เพราะถึงเสียงร้องไม่ดี แต่หน้าตาขายได้ ค่ายเพลงก็อาจจะยังมีรายได้จากการขายหน้าตา แล้วที่เปลี่ยนไปอีกอย่างก็คือ นักร้องเดี่้ยวไม่ค่อยมีครับ ที่ออกมาส่วนมากก็จะเป็นกลุ่มๆ บอยแบนด์, เกิร์ล กรุ๊ป ห

ก็โลกมันร้อน 22 / 04 / 2558      ช่วงนี้ไปทางไหนก็มีแต่คนบ่นว่า ร้อนๆๆ มันก็ไม่เว้นแม้แต่ผมก็ด้วยล่ะครับ ก็จะให้ไม่ร้อนได้ยังไงล่ะครับ ก็เราทำร้ายทำลายสมดุลทางธรรมชาติซะเละเทะไปหมดแล้วนี่ครับ (หรือจะเถียง) แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ คนเยอะขึ้น ความต้องการมันก็มากขึ้น การทำลายมันก็ต้องมากขึ้นตามเป็นเงาตามตัว      การทำลายสมดุลทางธรรมชาติของมนุษย์มีมาช้านานแล้ว ค่อยๆทำลายทีละนิดๆโดยคิดกันไปว่า ธรรมชาติมีตั้งเยอะแยะ ทำลายแค่นี้ไม่มีผลกระทบอะไรหรอก ครับ..มันไม่มีผลกระทบ แต่มันเป็นแค่ระยะสั้นน่ะสิครับที่ไม่มีผลกระทบ (ระยะสั้นนี่ก็ หลายร้อยปีเหมือนกันนะ) เพราะตอนนี้มันเข้าสู่ระยะยาวแล้ว ผลกระทบมันค่อยๆเริ่มเกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่แค่ร้อนขึ้นนะครับ แต่มันยังหนาวขึ้น น้ำท่วมเยอะขึ้น แผ่นดินไหวเยอะขึ้น พายุรุนแรงขึ้น รวมๆแล้วก็คือ ภัยธรรมชาติเยอะขึ้น และรุนแรงขึ้นทุกอย่างเลยครับ      มนุษย์ทำลายธรรมชาติยังไงเหรอครับ โห...อย่าให้พูดเลยครับ มันเยอะ มันยาวมาก (จริงๆทุกคนก็น่าจะรู้ๆกันอยู่) เอาสั้นๆง่ายๆว่า ที่ไหนที่มนุษย์เข้าถึง ประมาณ 65% ธรรมชาติที่นั่นก็ถูกมนุษย์รังแกแล้วครับ นี่ยังไม่ได้นับรวมถึงส

ทริปน้ำตกทีลอซู 04 / 04 / 2558      ห่างหายไปนานมากกับการเขียนบทความ ยิ่งเรื่องสั้นยิ่งนานเลย พล๊อตเรื่องในหัวน่ะมีนะครับ แต่ติดที่งานเยอะเกินคาด (ขี้เกียจก็บอกมาเหอะ...เฮ้ย เสียงใครวะ) ครั้งนี้เบียดเบียนเวลาทำงานมาเขียนบทความแบบยาวๆ ที่จะเป็นการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับทริปที่พึ่งได้ไปเที่ยวมาให้อ่านกันครับ จะเป็นบทความที่เล่าเรื่องด้วยภาพเลยก็ว่าได้ (อาจจะเป็นบทความที่มีรูปภาพประกอบเยอะที่สุด) เพื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำตา เอ้ย เสียเวลา งั้นผมขอเริ่มเลยนะครับ (ทริป 29-31 มีนาคม 2558, สวัสดิการของบริษัท, บริษัทนำเที่ยว..ทัวร์สีรุ้ง)      ก่อนที่จะถึงวันเดินทางไปเที่ยว มันก็ต้องมีกำหนดการออกมาให้เตรียมตัวกันก่อน ซึ่งกำหนดการเดินทางของผมคือ 07.30 น. เจอกันที่สนามบินดอนเมืองครับ ผมกับแฟนก็ตกลงกันว่า ตื่นสัก 06.00 น. ออกเดินทาง 07.00 น.ละกัน คืนนั้นก็ตั้งปลุกนาฬิกา (จริงๆมือถือ นาฬิกาไม่ได้ปลุก) ไว้ที่ 06.00 น. ผมสะดุ้งตื่นกี่โมงไม่รู้ครับ ผมรู้แต่ว่าฝนตกหนักมาก ผมรีบวิ่งออกไปที่ระเบียงหลังห้องเพื่อเก็บเสื้อผ้าที่ตากไว้เข้ามาในห้อง เสร็จแล้ว..มือถือก็ดังขึ้น ผมหยิบมาดูเวลา โอ้ว หกโมงตรงเป