ก็โลกมันร้อน
22 / 04 / 2558
ช่วงนี้ไปทางไหนก็มีแต่คนบ่นว่า ร้อนๆๆ มันก็ไม่เว้นแม้แต่ผมก็ด้วยล่ะครับ ก็จะให้ไม่ร้อนได้ยังไงล่ะครับ ก็เราทำร้ายทำลายสมดุลทางธรรมชาติซะเละเทะไปหมดแล้วนี่ครับ (หรือจะเถียง) แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ คนเยอะขึ้น ความต้องการมันก็มากขึ้น การทำลายมันก็ต้องมากขึ้นตามเป็นเงาตามตัว
การทำลายสมดุลทางธรรมชาติของมนุษย์มีมาช้านานแล้ว ค่อยๆทำลายทีละนิดๆโดยคิดกันไปว่า ธรรมชาติมีตั้งเยอะแยะ ทำลายแค่นี้ไม่มีผลกระทบอะไรหรอก ครับ..มันไม่มีผลกระทบ แต่มันเป็นแค่ระยะสั้นน่ะสิครับที่ไม่มีผลกระทบ (ระยะสั้นนี่ก็ หลายร้อยปีเหมือนกันนะ) เพราะตอนนี้มันเข้าสู่ระยะยาวแล้ว ผลกระทบมันค่อยๆเริ่มเกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่แค่ร้อนขึ้นนะครับ แต่มันยังหนาวขึ้น น้ำท่วมเยอะขึ้น แผ่นดินไหวเยอะขึ้น พายุรุนแรงขึ้น รวมๆแล้วก็คือ ภัยธรรมชาติเยอะขึ้น และรุนแรงขึ้นทุกอย่างเลยครับ
มนุษย์ทำลายธรรมชาติยังไงเหรอครับ โห...อย่าให้พูดเลยครับ มันเยอะ มันยาวมาก (จริงๆทุกคนก็น่าจะรู้ๆกันอยู่) เอาสั้นๆง่ายๆว่า ที่ไหนที่มนุษย์เข้าถึง ประมาณ 65% ธรรมชาติที่นั่นก็ถูกมนุษย์รังแกแล้วครับ นี่ยังไม่ได้นับรวมถึงสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรานะครับ ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเป็นศัตรูกับธรรมชาติ เช่น มือถือ คอมฯ แอร์ รถ คอนกรีต เหล็ก พลาสติก ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นศัตรูกับธรรมชาติทั้งนั้น มันเป็นศัตรูกับธรรมชาติยังไงน่ะเหรอครับ ก็มันย่อยสลายไม่ได้ไงครับ หรือถ้าย่อยสลายด้วยตัวเองได้ก็ใช้เวลานานมาก ซึ่งก่อนที่มันจะย่อยสลายมันก็คือ ขยะ ถ้าเราอยากจะย่อยสลายให้เร็วเราก็อาจจะต้องใช้ความร้อนในการย่อยครับ ซึ่งมันก็ทำให้โลกร้อนขึ้น นี่ไงล่ะครับ เป็นศัตรูกับธรรมชาติรึยังล่ะ
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มนุษย์คิดค้นทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองสบาย โดยไม่ได้คำนึงถึงธรรมชาติเลย แต่ผมว่านับจากนี้เป็นต้นไป มนุษย์เริ่มตื่นตัวเพื่อที่จะอยู่กับธรรมชาติให้มากขึ้นแล้วล่ะครับ ในอนาคตเราอาจจะมีสมดุลทางธรรมชาติกลับมาเป็นเหมือนในอดีตก็ได้นะครับ หน้าร้อนก็แค่ 32 องศา ฝนก็ตกแค่พอมีน้ำเก็บน้ำใช้ หนาวก็เที่ยวสนุก ฯลฯ ช่วยกันคนละไม้คนละมือ กลับเข้าหาธรรมชาติ เลิกรังแกธรรมชาติ เพื่อให้ธรรมชาติไม่รังแกเรากันนะครับ
22 / 04 / 2558
ช่วงนี้ไปทางไหนก็มีแต่คนบ่นว่า ร้อนๆๆ มันก็ไม่เว้นแม้แต่ผมก็ด้วยล่ะครับ ก็จะให้ไม่ร้อนได้ยังไงล่ะครับ ก็เราทำร้ายทำลายสมดุลทางธรรมชาติซะเละเทะไปหมดแล้วนี่ครับ (หรือจะเถียง) แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ คนเยอะขึ้น ความต้องการมันก็มากขึ้น การทำลายมันก็ต้องมากขึ้นตามเป็นเงาตามตัว
การทำลายสมดุลทางธรรมชาติของมนุษย์มีมาช้านานแล้ว ค่อยๆทำลายทีละนิดๆโดยคิดกันไปว่า ธรรมชาติมีตั้งเยอะแยะ ทำลายแค่นี้ไม่มีผลกระทบอะไรหรอก ครับ..มันไม่มีผลกระทบ แต่มันเป็นแค่ระยะสั้นน่ะสิครับที่ไม่มีผลกระทบ (ระยะสั้นนี่ก็ หลายร้อยปีเหมือนกันนะ) เพราะตอนนี้มันเข้าสู่ระยะยาวแล้ว ผลกระทบมันค่อยๆเริ่มเกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่แค่ร้อนขึ้นนะครับ แต่มันยังหนาวขึ้น น้ำท่วมเยอะขึ้น แผ่นดินไหวเยอะขึ้น พายุรุนแรงขึ้น รวมๆแล้วก็คือ ภัยธรรมชาติเยอะขึ้น และรุนแรงขึ้นทุกอย่างเลยครับ
มนุษย์ทำลายธรรมชาติยังไงเหรอครับ โห...อย่าให้พูดเลยครับ มันเยอะ มันยาวมาก (จริงๆทุกคนก็น่าจะรู้ๆกันอยู่) เอาสั้นๆง่ายๆว่า ที่ไหนที่มนุษย์เข้าถึง ประมาณ 65% ธรรมชาติที่นั่นก็ถูกมนุษย์รังแกแล้วครับ นี่ยังไม่ได้นับรวมถึงสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรานะครับ ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเป็นศัตรูกับธรรมชาติ เช่น มือถือ คอมฯ แอร์ รถ คอนกรีต เหล็ก พลาสติก ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นศัตรูกับธรรมชาติทั้งนั้น มันเป็นศัตรูกับธรรมชาติยังไงน่ะเหรอครับ ก็มันย่อยสลายไม่ได้ไงครับ หรือถ้าย่อยสลายด้วยตัวเองได้ก็ใช้เวลานานมาก ซึ่งก่อนที่มันจะย่อยสลายมันก็คือ ขยะ ถ้าเราอยากจะย่อยสลายให้เร็วเราก็อาจจะต้องใช้ความร้อนในการย่อยครับ ซึ่งมันก็ทำให้โลกร้อนขึ้น นี่ไงล่ะครับ เป็นศัตรูกับธรรมชาติรึยังล่ะ
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มนุษย์คิดค้นทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองสบาย โดยไม่ได้คำนึงถึงธรรมชาติเลย แต่ผมว่านับจากนี้เป็นต้นไป มนุษย์เริ่มตื่นตัวเพื่อที่จะอยู่กับธรรมชาติให้มากขึ้นแล้วล่ะครับ ในอนาคตเราอาจจะมีสมดุลทางธรรมชาติกลับมาเป็นเหมือนในอดีตก็ได้นะครับ หน้าร้อนก็แค่ 32 องศา ฝนก็ตกแค่พอมีน้ำเก็บน้ำใช้ หนาวก็เที่ยวสนุก ฯลฯ ช่วยกันคนละไม้คนละมือ กลับเข้าหาธรรมชาติ เลิกรังแกธรรมชาติ เพื่อให้ธรรมชาติไม่รังแกเรากันนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น