เรื่องลิงๆ ที่ในอยากเอาออก คนนอกเป็นห่วง
21 พฤษภาคม 2561
ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ชนิดไหนบนโลกใบนี้ ถ้าหากมันก่อความรำคาญให้กับมนุษย์เรา สัตว์ชนิดนั้นมักจะถูกกำจัด ยกตัวอย่างเช่น ยุง กัดดีนัก ตบซะ, แมลงวัน ตอมดีนัก ตบซะ หรือจะเป็นหนู สกปรกนักเหรอ จับเชือดซะ เป็นต้น
ล่าสุดมีข่าวเกี่ยวกับญาติห่างๆของเรา นั่นก็คือ ลิงนั่นเองครับ ลิงหลายๆที่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้คนที่อาศัยอยู่แถวนั้น ไม่ว่าจะเป็นการขโมยของ ทำลายข้าวของ เสื้อผ้าตากไว้มันก็ยังเอาไปเลย
พอมันเกิดปัญหา แน่นอนว่าการแก้ปัญหามันก็ต้องมีล่ะครับ ซึ่งการแก้ปัญหาที่เสนอกันอยู่ตอนนี้คือ จะพาลิงไปปล่อยเกาะ เอาลิงในเมืองไปปล่อยเกาะมันซะเลยครับ สร้างความเดือดร้อนให้คนในเมืองดีนัก
แต่ว่า...พอมีการเสนอการเอาลิงไปปล่อยเกาะขึ้นมา แน่นอนว่าต้องมีคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย คนที่เห็นด้วย 100% เลยก็คือ คนที่อยู่ที่เดียวกับลิง คนที่โดนลิงสร้างความลำบากในการใช้ชีวิตล่ะครับ ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วยส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนนอกพื้นที่ ที่ไม่เคยได้รับความเดือดร้อนจากลิง มองว่าลิงมันจะสร้างความเดือดร้อนอะไรนักหนา เห็นมันก็น่ารักดีออก น่าจะประมาณนี้
ยังมีคนที่ไม่เห็นด้วยอีกส่วนนะครับ นั่นก็คือ คนที่อาศัยอยู่ใกล้ๆเกาะ เพราะเขาห่วงว่าลิงจะมาสร้างความเสียหายให้เกาะ ให้ระบบนิเวศบนเกาะพัง อันนี้ผมเข้าใจดีเลยครับ ข้อนี้ผมเห็นด้วยกับคนที่รักเกาะนี้ รักธรรมชาติบนเกาะเลยครับ
แต่กับอีกส่วนที่ไม่เห็นด้วย เพราะกลัวลิงลำบากนี่ อืม...คุณห่วงลิง มากกว่าห่วงคนด้วยกันขนาดนั้นเลยเหรอครับ คนลำบากช่างมัน ปรับตัวสิ อะไรที่กลัวหาย กลัวพัง ก็เก็บดีๆสิ อืม...แล้วก็ปล่อยลิงให้ยึดอำนาจที่นั่น ให้มันทำอะไรก็ได้ เป็นใหญ่ที่นั่นเลยสินะครับ ว่าแล้วก็ทำไมไม่ย้ายเข้าไปอยู่กับพวกมันด้วยเลยล่ะครับ แล้วก็ปรับตัวดีๆนะ ผมเอาใจช่วย
ผมก็ไม่รู้นะครับว่า ปัญหานี้จะแก้ไขยังไง จบลงที่ไหน แต่ผมเห็นด้วยอยู่อย่างหนึ่งครับว่า ควรลดประชากรลิงลงได้แล้วครับ จำกัดจำนวนมันให้ได้ อย่าปล่อยมันเยอะจนกระทบคนที่อาศัยแถวนั้นเลยครับ แล้วพวก...ตัวเงินตัวทอง หรือเหี้ยเนี่ย จะรักมันอะไรนักหนา กำจัดบ้างก็ได้ ไม่เห็นมันจะมีประโยชน์อะไรเลย มีแต่ทำให้คนกลัว คนเดือดร้อน เฮ้ออออ อนุรักษ์อะไรแปลกๆนะคนไทย
ขอบคุณครับ
ต.ต้น
ตอนที่ 145 (บทความ) _ ความจังไรของผู้ชายวัยใกล้เลข 4 (ไม่ทุกคนหรอกนะ)
ความจังไรของผู้ชายวัยใกล้เลข 4 (ไม่ทุกคนหรอกนะ)
8 พฤษภาคม 2561
เมื่อก่อนสมัยเป็นวัยรุ่นอายุสัก 18-19 ปี ตอนนั้นเรียนอยู่ระดับชั้น ปวส. มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่รู้จักกัน หน้าตาน่ารักเลยทีเดียว เป็นที่หมายปองของผู้ชายหลายคน ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษากันเอง หรือแม้กระทั่งอาจารย์ยังหมายปองกับเขาด้วย แล้วบทสรุปที่จบลงคือ ไม่มีใครได้สักคน ฮ่าๆๆ เพราะน้องคนนั้นดันไปเอาผู้ชายแก่ๆคนหนึ่ง อายุน่าจะสัก 30 กว่าๆแล้ว ที่สำคัญคือ เป็นเมียน้อยเขาซะงั้น
เมื่อก่อนก็ไม่เข้าใจน้องมันหรอก ทำไมแม่งคิดสั้นจังวะ ผู้ชายโสดๆ หน้าตาดีมีตั้งเยอะแยะ ทำไมมันไม่เอา ไปเอาทำไมคนแก่ๆรุ่นพ่อเลยนะนั่น แถมยังเป็นเมียน้อยเขาอีก ไอ้บ้าาาาา
พอมาถึงวันนี้ วันที่ตัวผมเองนี่แหละที่อายุ 30 กว่าๆใกล้เลข 4 แล้ว ทำให้เข้าใจเลยว่า ทำไมวันนั้นน้องสาวคนนั้นถึงเลือกคนแก่ แถมยังยอมเป็นเมียน้อยอีก คำตอบง่ายๆคือ คนแก่มันจ่ายได้ และมันอบอุ่นแบบผู้ใหญ่ไม่งี่เง่าเหมือนวัยรุ่นนั่นเอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนจะชอบนะครับ มันเป็นเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น เหมือนที่ผู้ชายวัยใกล้ 40 บางคนนั่นแหละ ที่มันมีความจังไรบังเกิดขึ้นแล้ว...
ความจังไรที่ว่าคือยังไง ก็ประมาณว่าแก่แล้ว บางคนมีเมียแล้ว แต่ยังเกิดอาการอยากมีเด็กสาวในครอบครองนั่นเอง อาการนี้มันเกิดขึ้นเพราะว่า บางคนทำงานเหนื่อยๆ ก็อยากจะมีคนที่คอยรับฟังโดยไม่โต้เถียงอะไรเลย ซึ่งส่วนมากแล้ว มันก็จะไปตกอยู่ที่เด็กสาวทั้งหลาย ตั้งแต่มหาลัย ลงไปยันวัยมัธยมเลยทีเดียว
สาเหตุที่ทำไมเป้าหมายคือวัยพวกนั้น นั่นก็เพราะว่า เด็กพวกนี้สั่งได้ ไม่ค่อยงอแง และที่สำคัญคือ วัยนี้ยังรู้จักลูกอ้อน ซึ่งมันทำให้ป๋าๆ (ขอใช้คำว่า "ป๋า" ไปเลยละกันนะครับ ไหนๆก็แก่ละ) มีความสุขจากความออดอ้อนนั่นเอง จึงไม่แปลกเลยที่ทำไมทั้งป๋า และทั้งเด็กๆวัยนี้ ถึงเชื่อมต่อกันง่ายเหลือเกิน ป๋าได้มีความสุขจากลูกอ้อน การที่สั่งได้ และการได้จ่ายเพื่อเด็ก ส่วนเด็กๆก็มีความสุขจากการที่ป๋าตามใจแทบทุกอย่างนั้นเอง วินๆทั้งคู่
ประสบการณ์จากคนใกล้ตัวก็มีนะครับ ตอนนั้นน่าจะสักอายุ 35 กันอยู่ เพื่อนผมมันมีลูกมีเมียแล้ว แต่ก็ดันไปถูกใจเด็กสาวเข้าให้ แน่นอนว่าเจอลูกอ้อนของเด็กสาวเข้าไป มันก็หลุดสิครับ จังไรขึ้นมาเลยทีเดียว เลี้ยงเด็กไปเรื่อยๆจนความแตก เมียจับได้ บ้านแทบแตก แต่สุดท้ายมันก็ประคองตัวจนรอดถึงฝั่ง ครอบครัวยังอยู่ดีในที่สุด ผมไม่รู้ว่ามันเลิกจังไรได้รึยังนะครับ เพราะไอ้ความจังไรเนี่ย ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว มันก็เลิกยากอยู่เน้อ
หลังๆมานี่ผมว่าความจังไรนี้มันเริ่มไม่จำเป็นต้องเป็นเด็กๆแล้วล่ะครับ เพราะวัยป๋ามันทำงานเหนื่อยกัน มันเลยขอแค่ใครก็ได้ที่คอยทำให้มีความสุขใจได้ก็พอ อายุใกล้กัน หรืออายุมากกว่าก็ไม่สนแล้ว ขอแค่ได้มีคนคุยให้สบายใจก็พอ อาจจะมีคนถามว่า แล้วทำไมไม่ไปคุยกับเมียล่ะ คำตอบคงแทบจะประสานเสียงแน่นอนครับว่า บ่นกับเมียไปก็เหมือนบ่นใส่ฟองน้ำ ซึมซับคำบ่นไปแล้วก็นิ่งๆ หันมาใช้งานเราเหมือนเดิม ฮ่าๆๆๆ
ป๋าบางคนนั้นจริงจังมาก ถึงขนาดที่ว่าบ้านแตกก็ช่างมัน ดีซะอีก จะได้ไปหาคนใหม่ที่แอบๆเลี้ยงอยู่แล้ว แต่ป๋าบางคนก็แค่อยากหาคนมาอ้อน และมีความสุขที่ได้ทำเพื่อเด็กที่เลี้ยงไว้ แต่ไม่ต้องการสานต่อแบบยืดยาว เพราะก็ยังรักครอบครัวอยู่ ป๋าก็มีอยู่หลายแบบเหมือนนะครับ อาจจะมีนอกเหนือจาก 2 แบบที่กล่าวมาด้วยนะ
ความจังไรนี้ไม่ได้เกิดขึ้นทุกคนนะครับ แต่ถ้าเกิดขึ้นกับใครแล้ว ก็ยากที่จะห้ามไว้ เพราะมันเป็นเรื่องของใจล้วนๆเลย ความสุขใจใครๆก็อยากได้ใช่มั้ยล่ะครับ ตามประโยคที่บอกว่า "ถูกผิดรู้หมด แต่มันอดไม่ได้" นั่นแหละครับ
มาถึงความจังไรของคนเขียนกันบ้าง บทความนี้นี่เรียกว่าพลีชีพเลยนะครับ ถ้าเมียอ่านเจอนี่ โดนสอบสวนในห้องมืดแน่นอน แต่คงไม่ถึงกับบ้านแตก เพราะผมเป็นแบบอยากมีความสุขที่ได้ทำอะไรเพื่อเด็กแค่นั้น ไม่ได้ต้องการสานต่ออะไรทั้งนั้น
ผมก็ไม่รู้นะว่าความจังไรนี้มันเกิดขึ้นตอนไหน แต่พอรู้ตัวอีกที อ้าว เฮ้ย ทำไมรู้สึกดีกับเด็กบางคนจังวะ ทำไมอยากคุยด้วย อยากทำอะไรเพื่อเด็กคนนี้จัง ทั้งๆที่มันไม่ถูกไม่ควรแท้ๆ นึกไปนึกมา อ่อออ สงสัยความจังไรเข้ามาในชีวิตแล้วแน่ๆ ฮ่าๆๆ
ความรู้สึกอยากคุยด้วย อยากเห็นเด็กมีความสุข มีรอยยิ้ม อยากมีเด็กคนนี้คอยรับฟังเรา รวมๆแล้วมันก็เหมือนอาการคนอยากมีแฟนนั่นแหละครับ เพียงแต่ว่าอาการนี้มันจะเกิดขึ้นบ่อยกับใครก็ได้ เกิดขึ้นง่ายกับใครก็ได้อีกนั่นแหละเมื่อถึงวัยของมัน แต่สำหรับบางมันก็จะหายไปง่ายด้วยเช่นกัน ส่วนบางคนที่เกิดขึ้นแล้วไม่หาย ก็ระวังตัวเองให้ดีๆนะครับ (สำหรับผมเกิดง่าย เกิดบ่อย แต่ก็หายง่ายครับ)
สุดท้ายนี้ขอถามคุณผู้ชายที่อ่านมาถึงตรงนี้ว่า มีอาการข้างต้นที่อ่านมาบ้างรึยังครับ ถ้ามีแล้ว ก็จงระวังเถิด ความจังไร ความป๋า กำลังจะมาหาท่านแล้ว
ขอบคุณครับ
ต.ต้น
8 พฤษภาคม 2561
เมื่อก่อนสมัยเป็นวัยรุ่นอายุสัก 18-19 ปี ตอนนั้นเรียนอยู่ระดับชั้น ปวส. มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่รู้จักกัน หน้าตาน่ารักเลยทีเดียว เป็นที่หมายปองของผู้ชายหลายคน ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษากันเอง หรือแม้กระทั่งอาจารย์ยังหมายปองกับเขาด้วย แล้วบทสรุปที่จบลงคือ ไม่มีใครได้สักคน ฮ่าๆๆ เพราะน้องคนนั้นดันไปเอาผู้ชายแก่ๆคนหนึ่ง อายุน่าจะสัก 30 กว่าๆแล้ว ที่สำคัญคือ เป็นเมียน้อยเขาซะงั้น
เมื่อก่อนก็ไม่เข้าใจน้องมันหรอก ทำไมแม่งคิดสั้นจังวะ ผู้ชายโสดๆ หน้าตาดีมีตั้งเยอะแยะ ทำไมมันไม่เอา ไปเอาทำไมคนแก่ๆรุ่นพ่อเลยนะนั่น แถมยังเป็นเมียน้อยเขาอีก ไอ้บ้าาาาา
พอมาถึงวันนี้ วันที่ตัวผมเองนี่แหละที่อายุ 30 กว่าๆใกล้เลข 4 แล้ว ทำให้เข้าใจเลยว่า ทำไมวันนั้นน้องสาวคนนั้นถึงเลือกคนแก่ แถมยังยอมเป็นเมียน้อยอีก คำตอบง่ายๆคือ คนแก่มันจ่ายได้ และมันอบอุ่นแบบผู้ใหญ่ไม่งี่เง่าเหมือนวัยรุ่นนั่นเอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนจะชอบนะครับ มันเป็นเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น เหมือนที่ผู้ชายวัยใกล้ 40 บางคนนั่นแหละ ที่มันมีความจังไรบังเกิดขึ้นแล้ว...
ความจังไรที่ว่าคือยังไง ก็ประมาณว่าแก่แล้ว บางคนมีเมียแล้ว แต่ยังเกิดอาการอยากมีเด็กสาวในครอบครองนั่นเอง อาการนี้มันเกิดขึ้นเพราะว่า บางคนทำงานเหนื่อยๆ ก็อยากจะมีคนที่คอยรับฟังโดยไม่โต้เถียงอะไรเลย ซึ่งส่วนมากแล้ว มันก็จะไปตกอยู่ที่เด็กสาวทั้งหลาย ตั้งแต่มหาลัย ลงไปยันวัยมัธยมเลยทีเดียว
สาเหตุที่ทำไมเป้าหมายคือวัยพวกนั้น นั่นก็เพราะว่า เด็กพวกนี้สั่งได้ ไม่ค่อยงอแง และที่สำคัญคือ วัยนี้ยังรู้จักลูกอ้อน ซึ่งมันทำให้ป๋าๆ (ขอใช้คำว่า "ป๋า" ไปเลยละกันนะครับ ไหนๆก็แก่ละ) มีความสุขจากความออดอ้อนนั่นเอง จึงไม่แปลกเลยที่ทำไมทั้งป๋า และทั้งเด็กๆวัยนี้ ถึงเชื่อมต่อกันง่ายเหลือเกิน ป๋าได้มีความสุขจากลูกอ้อน การที่สั่งได้ และการได้จ่ายเพื่อเด็ก ส่วนเด็กๆก็มีความสุขจากการที่ป๋าตามใจแทบทุกอย่างนั้นเอง วินๆทั้งคู่
ประสบการณ์จากคนใกล้ตัวก็มีนะครับ ตอนนั้นน่าจะสักอายุ 35 กันอยู่ เพื่อนผมมันมีลูกมีเมียแล้ว แต่ก็ดันไปถูกใจเด็กสาวเข้าให้ แน่นอนว่าเจอลูกอ้อนของเด็กสาวเข้าไป มันก็หลุดสิครับ จังไรขึ้นมาเลยทีเดียว เลี้ยงเด็กไปเรื่อยๆจนความแตก เมียจับได้ บ้านแทบแตก แต่สุดท้ายมันก็ประคองตัวจนรอดถึงฝั่ง ครอบครัวยังอยู่ดีในที่สุด ผมไม่รู้ว่ามันเลิกจังไรได้รึยังนะครับ เพราะไอ้ความจังไรเนี่ย ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว มันก็เลิกยากอยู่เน้อ
หลังๆมานี่ผมว่าความจังไรนี้มันเริ่มไม่จำเป็นต้องเป็นเด็กๆแล้วล่ะครับ เพราะวัยป๋ามันทำงานเหนื่อยกัน มันเลยขอแค่ใครก็ได้ที่คอยทำให้มีความสุขใจได้ก็พอ อายุใกล้กัน หรืออายุมากกว่าก็ไม่สนแล้ว ขอแค่ได้มีคนคุยให้สบายใจก็พอ อาจจะมีคนถามว่า แล้วทำไมไม่ไปคุยกับเมียล่ะ คำตอบคงแทบจะประสานเสียงแน่นอนครับว่า บ่นกับเมียไปก็เหมือนบ่นใส่ฟองน้ำ ซึมซับคำบ่นไปแล้วก็นิ่งๆ หันมาใช้งานเราเหมือนเดิม ฮ่าๆๆๆ
ป๋าบางคนนั้นจริงจังมาก ถึงขนาดที่ว่าบ้านแตกก็ช่างมัน ดีซะอีก จะได้ไปหาคนใหม่ที่แอบๆเลี้ยงอยู่แล้ว แต่ป๋าบางคนก็แค่อยากหาคนมาอ้อน และมีความสุขที่ได้ทำเพื่อเด็กที่เลี้ยงไว้ แต่ไม่ต้องการสานต่อแบบยืดยาว เพราะก็ยังรักครอบครัวอยู่ ป๋าก็มีอยู่หลายแบบเหมือนนะครับ อาจจะมีนอกเหนือจาก 2 แบบที่กล่าวมาด้วยนะ
ความจังไรนี้ไม่ได้เกิดขึ้นทุกคนนะครับ แต่ถ้าเกิดขึ้นกับใครแล้ว ก็ยากที่จะห้ามไว้ เพราะมันเป็นเรื่องของใจล้วนๆเลย ความสุขใจใครๆก็อยากได้ใช่มั้ยล่ะครับ ตามประโยคที่บอกว่า "ถูกผิดรู้หมด แต่มันอดไม่ได้" นั่นแหละครับ
มาถึงความจังไรของคนเขียนกันบ้าง บทความนี้นี่เรียกว่าพลีชีพเลยนะครับ ถ้าเมียอ่านเจอนี่ โดนสอบสวนในห้องมืดแน่นอน แต่คงไม่ถึงกับบ้านแตก เพราะผมเป็นแบบอยากมีความสุขที่ได้ทำอะไรเพื่อเด็กแค่นั้น ไม่ได้ต้องการสานต่ออะไรทั้งนั้น
ผมก็ไม่รู้นะว่าความจังไรนี้มันเกิดขึ้นตอนไหน แต่พอรู้ตัวอีกที อ้าว เฮ้ย ทำไมรู้สึกดีกับเด็กบางคนจังวะ ทำไมอยากคุยด้วย อยากทำอะไรเพื่อเด็กคนนี้จัง ทั้งๆที่มันไม่ถูกไม่ควรแท้ๆ นึกไปนึกมา อ่อออ สงสัยความจังไรเข้ามาในชีวิตแล้วแน่ๆ ฮ่าๆๆ
ความรู้สึกอยากคุยด้วย อยากเห็นเด็กมีความสุข มีรอยยิ้ม อยากมีเด็กคนนี้คอยรับฟังเรา รวมๆแล้วมันก็เหมือนอาการคนอยากมีแฟนนั่นแหละครับ เพียงแต่ว่าอาการนี้มันจะเกิดขึ้นบ่อยกับใครก็ได้ เกิดขึ้นง่ายกับใครก็ได้อีกนั่นแหละเมื่อถึงวัยของมัน แต่สำหรับบางมันก็จะหายไปง่ายด้วยเช่นกัน ส่วนบางคนที่เกิดขึ้นแล้วไม่หาย ก็ระวังตัวเองให้ดีๆนะครับ (สำหรับผมเกิดง่าย เกิดบ่อย แต่ก็หายง่ายครับ)
สุดท้ายนี้ขอถามคุณผู้ชายที่อ่านมาถึงตรงนี้ว่า มีอาการข้างต้นที่อ่านมาบ้างรึยังครับ ถ้ามีแล้ว ก็จงระวังเถิด ความจังไร ความป๋า กำลังจะมาหาท่านแล้ว
ขอบคุณครับ
ต.ต้น
ตอนที่ 144 (บทความ) _ ถ้าสมมุติว่า ผมจะเปิดห้องเช่ารายวัน
ถ้าสมมุติว่า ผมจะเปิดห้องเช่ารายวัน
03 พฤษภาคม 2561
ประสบการณ์ตรงล่าสุดจากการไปเที่ยวทะเลครับ ไปเช่าห้องราคา 2,500 บาท แต่ราคาไม่คุ้มเลยครับ พื้นที่ห้องค่อนข้างแคบ มีทีวี แต่ดันไม่มีตู้เย็น ไม่มีตู้เสื้อผ้า หรือราวแขวนผ้าเลย พรมเช็ดเท้าก็มีผื่นเดียวหน้าห้องน้ำ ไม่มีตรงประตูเข้าบ้าน สรุปเลยคือ ไม่ประทับใจเท่าไหร่ ให้ 5/10 คะแนนพอ
หลังจากความไม่ประทับใจครั้งนี้แล้ว ทำให้มีความคิดที่ว่า ถ้าหากผมมีโอกาสได้เปิดห้องเช่ารายวันบ้าง ผมจะยัดอะไรลงไปบ้างดีนะ ของบางอย่างมันจะจำเป็นมั้ย ของบางอย่างที่อื่นจะยัดไปมั้ย
มาดูทีละสเตปกันเลยดีกว่า ว่าผมจะยัดอะไรเข้าไปในห้องเช่ารายวันบ้าง เริ่มแรกเลยพอเข้าบ้านผมจะเอาพรมเช็ดเท้าไว้ตรงหน้าประตูเลย 1 ผืน เพราะแน่นอนว่าไปนอกห้องมา เท้าต้องเปื้อนฝุ่นบ้างล่ะ ต้องเช็ดเท้าก่อนเข้าห้อง
พอเข้าห้องแล้ว วางกระเป๋า หลายๆคนวิ่งเข้าห้องน้ำก่อนเลย พอเข้าห้องน้ำเสร็จ เท้าก็เปียก ผมก็จะวางพรมเช็ดเท้าอีก 1 ผืนตรงหน้าประตูห้องน้ำ เพราะคงไม่มีใครอยากเท้าเปียกเดินในห้องแน่ๆ
เสร็จแล้วก็มารื้อของออกจากกระเป๋า เสื้อผ้าบางตัวต้องแขวนไว้ ผมก็จะเอาราวตากผ้าเหล็กที่ราคา 199 บาทนั่นแหละ มาตั้งไว้ในห้องพร้อมไม้แขวนอีกสัก 12 อันหรือ 1 โหล สาเหตุที่ไม่เอาตู้เสื้อผ้าเพราะ ตู้มันย้ายยาก หรือย้ายไม่ได้ แต่ราวตากผ้าย้ายที่ได้ เผื่อคนมาเที่ยวต้องการพื้นที่ว่างตามมุมที่ตัวเองชอบ จะได้ย้ายราวตากผ้าได้ หรืออาจจะมีถึงขั้นยกออกไปตั้งที่ระเบียง เพื่อให้ในห้องได้พื้นที่เพิ่มก็ได้
ของใช้ส่วนตัวก็ต้องมี เพราะฉะนั้นแล้วชั้นวางของก็จำเป็น เอาชั้นวางของพลาสติก หรือชั้นไม้ก็ได้ ขนาดไม่ต้องใหญ่มาก แต่เลือกที่มันมี 2-3 ชั้น จะได้วางของใช้ได้เยอะๆหน่อย
สำหรับสาวๆแล้ว การแต่งสวยถือว่าจำเป็นมาก ผมจะติดกระจกสักบานไว้ในห้อง หามุมที่แสงไฟส่องกระทบสวยๆ จะได้แต่งหน้าทาแป้งออกมาไม่ขาววอก ถามว่าทำไมไม่เอาโต๊ะเครื่องแป้ง ก็เพราะว่าโต๊ะเครื่องแป้งเนี่ย กินพื้นที่ แล้วก็ย้ายยาก เลยไม่เอาดีกว่าครับ
พอเข้าห้องแล้ว จัดของเสร็จแล้ว รู้สึกว่าเดินแล้วสากๆเท้า ผมเลยจัดไม้กวาดพร้อมที่ตักผงไว้ให้ด้วย เพราะเท่าที่ไปเที่ยวมานะครับ ไม้กวาดหาไม่ได้เลย บางครั้งเดินแล้วสากเท้าจริงๆนะ จะกวาดก็ไม่มีไม้กวาด เลยเอากางเกงตัวเองนี่แหละ ปัดๆๆพื้นเอา อนาถจริงๆเลยครับ เพราะฉะนั้นห้องพักของผมต้องมีไม้กวาดครับ
สักพักน่าจะเริ่มง่วงกัน เพราะเดินทางมาไกล เตียง ที่นอน หมอน ผ้าห่ม เป็นสิ่งปกติที่ต้องมีอยู่แล้วครับ แต่ไหนก็มีขนาดนั้นแล้ว งั้นเพิ่มหมอนข้างให้ด้วยเลยละกัน เพราะบางคนติดนอนตะแคงกอดหมอนข้าง มาเที่ยวทั้งทีก็ต้องพักผ่อนให้มันสบายๆ จัดหมอนข้างไปให้เลยครับ
ก่อนนอนนึกขึ้นได้ เฮ้ย แบตฯโทรศัพท์จะหมด แบตฯกล้องลืมชาร์จ มองหาปลั๊ก เจออยู่ 2 รู แต่ดันมา 2 คน จะแย่งกันชาร์จยังไงล่ะ หรือบางทีดีหน่อย มีหลายๆรู หลายๆจุด แต่ตำแหน่งปล้๊กก็ไม่ถูกใจอีก งั้นผมเพิ่มนี่เลยครับ ปลั๊กพ่วง อยากลากไปไหนลากเลยยยยย
สำหรับทีวี ตู้เย็น ต้องมีอยู่แล้วครับ เพราะเป็นของจำเป็นพื้นฐาน ห้องแอร์ก็ต้องมีแอร์ ห้องพัดลมก็ต้องมีพัดลม ของใช้ในห้องน้ำสบู่ ยาสระผม หมวกคลุมผมต้องมีครับ แต่ยาสีฟัน กับแปรงฟัน 2 อย่างนี้ผมไม่ใส่ไปนะครับ เพราะถือเป็นของใช่ส่วนตัวที่ทำคนไม่น่าจะลืม หรือหาใช้ตามห้องเช่า
ของใช้อีกอย่างสำหรับสาวๆคือ ไดร์เป่าผมครับ เพราะสระผมแล้ว กว่าจะแห้งคงเหนื่อย ผมเลยต้องยัดเข้าไปด้วย
แล้วเผื่อใครรักความสะอาด อยากซักผ้า ผมก็จัดกะละมังให้ด้วยครับ จะได้ซักผ้ากันสนุกไปเลย (นี่ห้องพัก + ห้องน้ำ มันกว้างขนาดไหนเนี่ย ยัดอะไรไปเยอะแยะ)
ผมว่าภายในห้องของน่าจะครบแล้วนะ งั้นออกมานอกห้องที่ระเบียงกันบ้างดีกว่าครับ แม้ว่าระเบียงจะไม่กว้างมาก แต่สิ่งที่ต้องมีคือ โต๊ะ และเก้าอี้ครับ คงไม่มีใครอยากอยู่แต่ในห้องหรอก จริงมั้ยครับ เพราะฉะนั้นมันควรมีครับ เอาไว้นั่งชิลๆยามเย็น หรือชิลๆยามเช้าครับ ส่วนยามหลับนั้น มันอู้งานครับ (ทันมุกมั้ย ?)
กาต้มน้ำ แก้วน้ำ จานข้าว พวกนี้ผมก็จะยัดไปครับ เอาให้เหมือนอยู่บ้านกันไปเลย ฮ่าๆๆ โอยยยย ห้องพักผมต้องโคตรใหญ่แน่ๆเลยครับ ของเพียบ นี่พอถึงเวลาเช็คเอ้าท์ คงตรวจสอบกันนานเลย
เอาเป็นว่า เท่านี้ห้องเช่ารายวันผมก็คงน่าเช่าแล้วล่ะครับ มาๆๆ มาเช่ากันครับ
ขอบคุณครับ
ต.ต้น
03 พฤษภาคม 2561
ประสบการณ์ตรงล่าสุดจากการไปเที่ยวทะเลครับ ไปเช่าห้องราคา 2,500 บาท แต่ราคาไม่คุ้มเลยครับ พื้นที่ห้องค่อนข้างแคบ มีทีวี แต่ดันไม่มีตู้เย็น ไม่มีตู้เสื้อผ้า หรือราวแขวนผ้าเลย พรมเช็ดเท้าก็มีผื่นเดียวหน้าห้องน้ำ ไม่มีตรงประตูเข้าบ้าน สรุปเลยคือ ไม่ประทับใจเท่าไหร่ ให้ 5/10 คะแนนพอ
หลังจากความไม่ประทับใจครั้งนี้แล้ว ทำให้มีความคิดที่ว่า ถ้าหากผมมีโอกาสได้เปิดห้องเช่ารายวันบ้าง ผมจะยัดอะไรลงไปบ้างดีนะ ของบางอย่างมันจะจำเป็นมั้ย ของบางอย่างที่อื่นจะยัดไปมั้ย
มาดูทีละสเตปกันเลยดีกว่า ว่าผมจะยัดอะไรเข้าไปในห้องเช่ารายวันบ้าง เริ่มแรกเลยพอเข้าบ้านผมจะเอาพรมเช็ดเท้าไว้ตรงหน้าประตูเลย 1 ผืน เพราะแน่นอนว่าไปนอกห้องมา เท้าต้องเปื้อนฝุ่นบ้างล่ะ ต้องเช็ดเท้าก่อนเข้าห้อง
พอเข้าห้องแล้ว วางกระเป๋า หลายๆคนวิ่งเข้าห้องน้ำก่อนเลย พอเข้าห้องน้ำเสร็จ เท้าก็เปียก ผมก็จะวางพรมเช็ดเท้าอีก 1 ผืนตรงหน้าประตูห้องน้ำ เพราะคงไม่มีใครอยากเท้าเปียกเดินในห้องแน่ๆ
เสร็จแล้วก็มารื้อของออกจากกระเป๋า เสื้อผ้าบางตัวต้องแขวนไว้ ผมก็จะเอาราวตากผ้าเหล็กที่ราคา 199 บาทนั่นแหละ มาตั้งไว้ในห้องพร้อมไม้แขวนอีกสัก 12 อันหรือ 1 โหล สาเหตุที่ไม่เอาตู้เสื้อผ้าเพราะ ตู้มันย้ายยาก หรือย้ายไม่ได้ แต่ราวตากผ้าย้ายที่ได้ เผื่อคนมาเที่ยวต้องการพื้นที่ว่างตามมุมที่ตัวเองชอบ จะได้ย้ายราวตากผ้าได้ หรืออาจจะมีถึงขั้นยกออกไปตั้งที่ระเบียง เพื่อให้ในห้องได้พื้นที่เพิ่มก็ได้
ของใช้ส่วนตัวก็ต้องมี เพราะฉะนั้นแล้วชั้นวางของก็จำเป็น เอาชั้นวางของพลาสติก หรือชั้นไม้ก็ได้ ขนาดไม่ต้องใหญ่มาก แต่เลือกที่มันมี 2-3 ชั้น จะได้วางของใช้ได้เยอะๆหน่อย
สำหรับสาวๆแล้ว การแต่งสวยถือว่าจำเป็นมาก ผมจะติดกระจกสักบานไว้ในห้อง หามุมที่แสงไฟส่องกระทบสวยๆ จะได้แต่งหน้าทาแป้งออกมาไม่ขาววอก ถามว่าทำไมไม่เอาโต๊ะเครื่องแป้ง ก็เพราะว่าโต๊ะเครื่องแป้งเนี่ย กินพื้นที่ แล้วก็ย้ายยาก เลยไม่เอาดีกว่าครับ
พอเข้าห้องแล้ว จัดของเสร็จแล้ว รู้สึกว่าเดินแล้วสากๆเท้า ผมเลยจัดไม้กวาดพร้อมที่ตักผงไว้ให้ด้วย เพราะเท่าที่ไปเที่ยวมานะครับ ไม้กวาดหาไม่ได้เลย บางครั้งเดินแล้วสากเท้าจริงๆนะ จะกวาดก็ไม่มีไม้กวาด เลยเอากางเกงตัวเองนี่แหละ ปัดๆๆพื้นเอา อนาถจริงๆเลยครับ เพราะฉะนั้นห้องพักของผมต้องมีไม้กวาดครับ
สักพักน่าจะเริ่มง่วงกัน เพราะเดินทางมาไกล เตียง ที่นอน หมอน ผ้าห่ม เป็นสิ่งปกติที่ต้องมีอยู่แล้วครับ แต่ไหนก็มีขนาดนั้นแล้ว งั้นเพิ่มหมอนข้างให้ด้วยเลยละกัน เพราะบางคนติดนอนตะแคงกอดหมอนข้าง มาเที่ยวทั้งทีก็ต้องพักผ่อนให้มันสบายๆ จัดหมอนข้างไปให้เลยครับ
ก่อนนอนนึกขึ้นได้ เฮ้ย แบตฯโทรศัพท์จะหมด แบตฯกล้องลืมชาร์จ มองหาปลั๊ก เจออยู่ 2 รู แต่ดันมา 2 คน จะแย่งกันชาร์จยังไงล่ะ หรือบางทีดีหน่อย มีหลายๆรู หลายๆจุด แต่ตำแหน่งปล้๊กก็ไม่ถูกใจอีก งั้นผมเพิ่มนี่เลยครับ ปลั๊กพ่วง อยากลากไปไหนลากเลยยยยย
สำหรับทีวี ตู้เย็น ต้องมีอยู่แล้วครับ เพราะเป็นของจำเป็นพื้นฐาน ห้องแอร์ก็ต้องมีแอร์ ห้องพัดลมก็ต้องมีพัดลม ของใช้ในห้องน้ำสบู่ ยาสระผม หมวกคลุมผมต้องมีครับ แต่ยาสีฟัน กับแปรงฟัน 2 อย่างนี้ผมไม่ใส่ไปนะครับ เพราะถือเป็นของใช่ส่วนตัวที่ทำคนไม่น่าจะลืม หรือหาใช้ตามห้องเช่า
ของใช้อีกอย่างสำหรับสาวๆคือ ไดร์เป่าผมครับ เพราะสระผมแล้ว กว่าจะแห้งคงเหนื่อย ผมเลยต้องยัดเข้าไปด้วย
แล้วเผื่อใครรักความสะอาด อยากซักผ้า ผมก็จัดกะละมังให้ด้วยครับ จะได้ซักผ้ากันสนุกไปเลย (นี่ห้องพัก + ห้องน้ำ มันกว้างขนาดไหนเนี่ย ยัดอะไรไปเยอะแยะ)
ผมว่าภายในห้องของน่าจะครบแล้วนะ งั้นออกมานอกห้องที่ระเบียงกันบ้างดีกว่าครับ แม้ว่าระเบียงจะไม่กว้างมาก แต่สิ่งที่ต้องมีคือ โต๊ะ และเก้าอี้ครับ คงไม่มีใครอยากอยู่แต่ในห้องหรอก จริงมั้ยครับ เพราะฉะนั้นมันควรมีครับ เอาไว้นั่งชิลๆยามเย็น หรือชิลๆยามเช้าครับ ส่วนยามหลับนั้น มันอู้งานครับ (ทันมุกมั้ย ?)
กาต้มน้ำ แก้วน้ำ จานข้าว พวกนี้ผมก็จะยัดไปครับ เอาให้เหมือนอยู่บ้านกันไปเลย ฮ่าๆๆ โอยยยย ห้องพักผมต้องโคตรใหญ่แน่ๆเลยครับ ของเพียบ นี่พอถึงเวลาเช็คเอ้าท์ คงตรวจสอบกันนานเลย
เอาเป็นว่า เท่านี้ห้องเช่ารายวันผมก็คงน่าเช่าแล้วล่ะครับ มาๆๆ มาเช่ากันครับ
ขอบคุณครับ
ต.ต้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)