hostneverdie

weltrade

siamfocus

ตอนที่ 149 (บทความ) _ เมื่อการประหารชีวิตกลับมาอีกครั้ง

เมื่อการประหารชีวิตกลับมาอีกครั้ง
19 มิถุนายน 2561

              ในวันนี้ประเด็นที่ร้อนแรงสุดๆ คงหนีไม่พ้นประเด็นที่มีการกลับมาใช้การลงโทษขั้นสูงสุดอีกครั้งนั่นก็คือ การประหารชีวิตนั่นเองครับ แต่ประเด็นการประหารชีวิตที่ว่าแน่ๆ ยังต้องแพ้ให้กับประเด็นที่ว่า มันกลุ่มๆหนึ่งซึ่งผมไม่ขอเอ่ยชื่อนะครับ ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านโทษประหารชีวิตนั่นเอง

       แน่นอนว่าการออกมาเคลื่อนไหวนั่นทำได้แน่นอนตามกฏหมาย แต่ก็มีบางส่วนมองว่า ในเมื่อกฏหมายตัดสินโทษขั้นสูงสุดให้ประหารชีวิต แล้วทำไมถึงไม่เคารพกฏหมาย ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านทำไม หรือนี่คือ พวกคุณไม่เคารพกฏหมาย

       อีกหลายๆส่วน หรืออาจจะเป็นส่วนมากเสียด้วยซ้ำที่ออกมาเห็นต่างกับกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการประหารชีวิต ซึ่งผมก็คงเก็บประเด็นมาไม่หมดนะครับ แต่มีอยู่ข้อหนึ่งที่ผมสนใจก็คือ คำพูดของกลุ่มๆที่บอกว่า "มีการสำรวจออกมาว่า การประหารชีวิต ไม่ช่วยให้อาชญากรรมลดลง"

       ผมก็ไม่รู้นะว่า ใครสำรวจ ใครวิจัย ใครเก็บข้อมูล แล้วเขาทำการสำรวจที่ไหน ประเทศอะไร แต่ที่แน่ๆคือ ผมคิดว่ามันน่าจะมีผลอยู่นะ ที่จะช่วยลดอาชญากรรมเนี่ย เพราะทุกวันนี้ฆ่าคนตาย อย่างมากก็ไปชิลๆอยู่คุก กูยังไม่ตาย อาจจะได้ชีวิตใหม่ แนวทางใหม่ๆก็ได้ ยังไงมันก็ไม่ตาย แล้วจะกลัวทำไมถ้าจะฆ่าใครสักคน

       อีกอย่างนะ ถ้าคนเราไม่กลัวตายจริงๆ ทำไมเวลาฆ่าคนตาย แล้วโดนจับได้ โดนดำเนินคดี ต้องให้มีทนายมาช่วยเหลือให้รอดพ้นจากการโดนโทษประหารชีวิตล่ะ คำตอบง่ายๆก็คือ มันกลัวตายนั่นแหละ ดูแค่นี้ก็รู้แล้วว่า โทษประหารชีวิต มันน่าจะช่วยลดคดีอาชญากรรมลงได้บ้างล่ะ คนที่จะฆ่าใครน่าจะยั้งมือฉุกคิดขึ้นมาบ้างล่ะว่า ถ้ากูฆ่ามัน กูก็ตาย มันไม่คุ้มๆ

       จะว่าไปแล้ว กลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวตอนนี้ก็เปรียบเสมือน แม่ที่กำลังทำร้ายลูกอยู่นะครับ เช่น ลูกทำผิด แม่ก็มองว่าลูกไม่ผิด, ลูกขโมยของ แม่ก็บอกว่าของแค่นี้เดี๋ยวชดใช้ให้, ลูกทำร้ายร่างกายคนอื่น แม่ก็มองว่าลูกฉันก็บาดเจ็บนะ หรือแม้กระทั่ง ลูกฆ่าคนตาย แม่ก็ยังบอกว่า ลูกฉันเป็นคนดีไม่น่าทำแบบนั้นได้ เห็นมั้ยครับว่า แม่ที่ทำร้ายลูกนั่นเป็นยังไง

       กลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวตอนนี้ก็ไม่ต่างกันครับ ฆาตกรฆ่าคน พวกท่านก็ยังออกมาปกป้องไม่ให้ประหารชีวิต แล้วสมมุติว่ามีฆาตกรที่ต้องโทษประหาร 100 คน ท่านจะออกมาคัดค้านครบ 100 คนเลยมั้ย ถ้าท่านตอบว่าครบ นั่นก็แสดงว่า ท่านกำลังเลี้ยงคนไทยแบบผิดๆ ท่านกำลังทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง ด้วยการยกโทษให้ฆาตกรที่สมควรได้รับการประหาร ให้มีโอกาสได้ออกมาทำร้ายคนอื่นต่อในอนาคต แม้ท่านจะบอกว่า เขาอาจจะกลับตัวเป็นคนดีก็ได้ แต่ท่านคงลืมมองไปว่า ประวัติของแต่ละคนนั่นไม่เหมือนกัน

       เอาเป็นว่าบทความนี้ก็ขอบ่นเล็กๆน้อยๆเท่านี้พอแล้วนะครับ ส่วนใครที่จะโดนโทษประหารชีวิตนั้น ผมเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรม และศาลได้พิจารณาดีแล้วล่ะครับ ท่านศาลถึงได้ตัดสินเช่นนั้น

       อีกนิดๆก่อนจบ ถ้าฆาตกรฆ่าคนในครอบครัวของท่าน อยากรู้จักเล้ยยย ว่าท่านจะออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการประหาร หรือจะออกมาสนับสนุน ?

ขอบคุณครับ
ต.ต้น

ตอนที่ 148 (บทความ) _ sex toy กับสื่อลามก แยกให้ออก อันไหนน่าห่วงกว่ากัน

sex toy กับสื่อลามก แยกให้ออก อันไหนน่าห่วงกว่ากัน
9 มิถุนายน 2561

       เปิดหัวข้อประเด็นนี้ขึ้นมา เพราะอยู่ๆช่วงนี้ข่าว sex toy ออกมาหลายข่าวอย่างน่าแปลกใจครับ หลังจากที่ได้อ่านๆข่าวดูแล้ว ก็แน่นอนล่ะครับว่ามีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย กับการที่จะให้มีร้านขาย sex toy อย่างถูกกฏหมายในประเทศไทย

       ผมจะข้ามประเด็นที่ว่า ควรให้ขายเซ็กส์ทอยถูกกฏหมายดีหรือไม่ไปนะครับ เพราะผมว่าเรื่องนี้ต้องมีการถกเถียงกันอีกยาวล่ะครับ กว่าจะได้คำตอบคงอีกนานนนนนนน ผมเลยจะไปที่ประเด็นที่ว่า เซ็กส์ทอย กับสื่อลามก อันไหนน่าห่วงมากกว่ากันแทนนะครับ

       ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกวันนี้เราเข้าถึงหนังโป๊ คลิปโป๊ คลิปหลุด รวมไปถึงการไลฟ์สดๆคนร่วมเพศกันได้อย่างง่ายดาย นั่นก็เพราะว่าโลกของเรามีอินเตอร์เน็ตที่สามารถเข้าถึงได้นั่นเอง ต่างจากเซ็กส์ทอยที่ถ้าจะเข้าถึงได้ต้องโน้นเลยครับ สั่งซื้อจากเว็บไซต์ กว่าจะได้ของแต่ละอันมาใช้งาน ก็รอกันนานหน่อย แถมยังสั่งได้ทีละอันอีก ไม่ใช่มีข้อห้ามอะไรนะ แต่มันแพง ฮ่าๆๆ

       แล้วพอสื่อลามกมันเข้าถึงง่าย วันๆหนึ่งผู้ชายคนหนึ่งอาจจะดูคลิปโป๊เป็น 10-20 คลิปเลยก็ได้ อาจจะดูรูปหลุดๆเด็กมหาลัย เด็กมัธยมแล้วเกิดอารมณ์ทางเพศ สติแตกออกไปก่อคดีก็ได้นะครับ เพราะว่าเขาเบื่อแม่นางทั้งห้าของเขาแล้ว (แม่นางทั้งห้า ก็มือนี่แหละครับ มีห้านิ้วไง)

       หรือสมมุติว่าเขาดูสื่อลามกแล้ว ช่วยตัวเองเสร็จไปแล้ว แต่บังเอิญว่าไปกินเหล้า เมา เกิดอารมณ์หื่นขึ้นมา ดันไปเจอสาวนุ่งสั้น ภาพต่างๆของสื่อลามกผุดขึ้นมาในหัว อยากจะเอาไอ้นี่ ไปเสียบไอ้นั่นของสาวคนนั้น อยากเห็นว่ามันเป็นยังไง เลยก่อคดีข่มขื่นสาวซะอย่างงั้นขึ้นมา จะทำไงล่ะทีนี้

       นี่ไม่ได้เชียร์ให้เซ็กส์ทอยขายถูกกฏหมายนะ จริงจริ๊งงงงง (เสียงสูงมาก) ที่ยกตัวอย่างไป 2 ข้อข้างบนนั่น ก็แค่จะบอกว่าเซ็กส์ทอยน่ะ ไม่ได้ทำให้ผู้ชายอยากก่อคดีข่มขืนหรอก แต่เป็นสื่อลามกต่างหากล่ะ ดีไม่ดีในทางตรงกันข้าม เซ็กส์ทอยจะช่วยลด หรือช่วยไม่ให้คดีเพิ่มขึ้นซะด้วยซ้ำ เพราะผู้ชายรู้ดีว่า ชักว่าวด้วยมือนานๆ มันก็เบื่อเนอะ มันก็อยากมีของแปลกๆใหม่ๆบ้าง แล้วถ้ามีของแปลกๆใหม่ๆมาช่วยระบายความหื่น มันก็น่าจะดีกว่าการอยากไปลองของจริงมั้ยล่ะครับ

       ทางฝั่งผู้หญิงก็เช่นกันนะครับ รู้นะครับว่าชอบดูสื่อลามกไม่แพ้พวกผู้ชายหรอกครับ แล้วพอคันหูขึ้นมาทำยังไงกันล่ะครับ บางคนก็ระงับอยู่ แต่บางคนก็ต้องมีตัวช่วย เช่น นิ้วมือ ฝักบัว ลามไปถึง แตงกวา มะเขือยาว มะระ (ใหญ่ไปมั้ย) หรือหนักข้อไปเลยก็คือ ไปอ่อยผู้ชายให้มาแทงๆ หรือหนักเข้าไปอีกคือ หาใครก็ได้ ข้างห้องก็เอา มีเมียกูก็จะเอา ก็คันๆๆๆๆ ก็อาจจะเป็นได้นะครับ

       แต่หากมีเซ็กส์ทอย หรือจู๋เทียม ที่มาช่วยระบายความหื่นลงได้บ้าง ผมว่ามันก็จะช่วยให้ผู้หญิงคนนั้นให้รอดปลอดภัยจากการไปมีอะไรกับคนอื่นแบบผิดๆได้เหมือนกันนะครับ

       แน่นอนว่าเซ็กส์ทอยมันมีทั้งข้อดี และข้อเสีย แต่คนที่จะตัดสินได้ว่า มันดีพอที่จะให้ขายถูกกฏหมายได้หรือไม่ก็คงไม่ใช่คนๆเดียว มันต้องหลายๆหัวช่วยกันครับ

       เซ็กส์ทอย vs สื่อลามก มองให้ดีๆครับ ว่าอันไหนกันแน่ที่น่าห่วงกับสังคมไทยมากกว่ากัน เคยมีนักวิชาการของต่างประเทศออกมาวิเคราะห์ว่า เซ็กส์ทอย คือตัวอันตรายที่จะให้มนุษย์สูญพันธุ์ เพราะอะไร ทำไมเขาถึงคิดเช่นนั้น ลองคิดดูครับ แล้วก็หมุนตามโลกได้แล้วครับ ยุค 4.0 ยังจะหัวโบราณมองว่าเรื่องเพศมันต่ำ ควรปกปิดไว้อยู่ได้ (เดี๋ยวๆๆ อารมณ์มาเต็ม แล้วตกลงจะเอาประเด็นไหนแน่ ชักงงๆนะ)

ขอบคุณครับ
ต.ต้น

ตอนที่ 147 (บทความ) _ ประสบการณ์การวิ่งออกกำลังกายครั้งแรก

ประสบการณ์การวิ่งออกกำลังกายครั้งแรก
05 มิถุนายน 2561

       จากการที่ดูใครต่อใครวิ่งออกกำลังกายบ้าง วิ่งมาราธอนตามงานต่างๆบ้าง ทำให้เกิดอาการอยากวิ่งขึ้นมาบ้าง อาจจะตามกระแสคนที่วิ่งๆกันอยู่ แต่จริงๆแล้วอยากจะวิ่งเพื่อสุขภาพซะมากกว่า ว่าแล้วก็จัดการซื้ออุปกรณ์วิ่งสิครับ

       วันนั้นไปบริจาคเลือดที่เดอะมอลล์ บางกะปิ ไปถึงห้างเช้าเลยครับ กดคิวเสร็จ กรอกรายละเอียดใบขอบริจาคเสร็จ เวลาเหลือเพียบครับ เพราะตอนนั้น 10 โมงกว่าๆ แต่เขาเริ่มเปิดรับบริจาคตอนเที่ยงตรง เวลาเหลือๆก็เลยไปหาซื้ออุปกรณ์วิ่งล่ะครับ เดินเลือกซื้อรองเท้า ถุงเท้า เสื้อ กางเกง วนไปวนมาอยู่นานเลย จนได้ของมาครบในที่สุด พร้อมสำหรับการวิ่งออกกำลังกายแล้ว

       จะว่าตื่นเต้นมันก็ตื่นเต้นนะครับ สำหรับหน้าใหม่ที่จะไปออกกำลังกาย เพราะคนหน้าเก่าๆเขาก็คงคุ้นๆหน้ากันมาบ้าง แต่พอเราไปหน้าใหม่ มันก็ต้องมีคนมองบ้างล่ะ เพราะไอ้นี่ไม่คุ้นหน้า เอ...หรือจะคิดมากไป ใครจะมาสนใจคนหน้าตาดีๆแบบเรากันล่ะ (ใครหน้าตาดี ไอ้หลงตัวเองงงงง)

       วันจันทร์เลิกงานกลับถึงบ้าน เปลี่ยนชุดพร้อมลุยเลยครับ สถานที่ที่ผมไปวิ่งคือที่ สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ แถวๆเคหะร่มเกล้าครับ แว๊นมอเตอร์ไซค์ไปครับ พอไปถึงก็มึนๆงงๆครับ หาที่จอดรถ เพราะนี่คือ ครั้งแรกเลยที่ขี่รถเข้าไปในสวน ก็โอเคครับ หาที่จอดรถไม่ยาก พอจอดรถเสร็จ มองไปรอบๆ โอ้โห นี่คนมาออกกำลังกายเยอะขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย มองจากสายตาคร่าวๆน่าจะเป็น 100 ล่ะครับ เวลาที่ผมไปถึงประมาณ 18.40 น.

       ลงจากรถเดินเข้าบนถนนที่ใช้สำหรับวิ่ง แหม เขินๆครับ เพราะคนที่วิ่งเขาก็วิ่งกันอยู่เยอะแยะเลย ไอ้เราก็หน้าใหม่ มองคนที่วิ่งเหงือโชกอยู่ แหมมมม...กูจะเป็นแบบนั้นมั้ยวะ ไปยืนมึนๆทำใจอยู่พักหนึ่ง ก็เอาวะ มันต้องเริ่มแล้วล่ะ ว่าแล้วก็วิ่ง 100 เมตรโชว์เลยครับ แหะๆ ตกใจล่ะสิ ล้อเล่นน่าาาาา ใครจะไปบ้าทำแบบนั้น นอกจากจะโดนด่าแล้ว อาจจะเจ็บตัวอีกต่างหาก เพราะยังไม่ได้วอร์มเลย

       เริ่มต้นผมก็เดินวอร์มอัพก่อนครับ ลองเดินดูว่า ถนนที่ใช้วิ่งออกกำลังเนี่ย มันระยะทางเท่าไหร่ เดินครบแล้วใช้แอปสำหรับนักวิ่งจับระยะทางดู ได้ระยะทาง 1.2 กม. ก็ถือว่ากำลังดีครับ เดินวอร์มอัพเสร็จ ก็แวะยืดเส้นยืดสายก่อนสักแปป แล้วก็ออกวิ่งจริงๆกันล่ะครับ

       สำหรับมือใหม่จริงๆ ควรศึกษาการวิ่ง การก้าวขา การแกว่งแขน รวมไปถึงการหายใจด้วยนะครับ เพราะจะช่วยให้การวิ่งมีประสิทธิภาพดีขึ้น ที่บอกเนี่ย เพราะผมไม่ได้ศึกษาเลยยยย ไม่อยากให้มาเลียนแบบผม (แนะนำคนอื่นซะดิบดี ตัวเองดันไม่ทำ) ผมคิดเองเออเองหมดครับ ผมแบ่งช่วงวิ่งเป็น 3 ช่วง วิ่งๆไป หยุดเดินๆๆๆ แล้วก็วิ่งๆต่อ ผมทำแบบนี้ 3 ช่วงในวันแรกของการวิ่ง ซึ่งผมคิดว่า มันไม่น่าจะถูกต้องหรอก ฮ่าๆๆ แต่ก็ช่างมัน ผมไม่แคร์

       ผมวิ่งตามแบบของผมไปทั้งหมด 3 รอบถ้วน ร่างกายมันค่อยๆปรับตัวนะครับ ผมรู้สึกได้เลยว่าวิ่งรอบแรก มันเหนื่อยเร็ว มันปวดขาเร็วมาก พอมารอบที่ 2 มันเริ่มเหนื่อยช้าลง ปวดขาช้าลง ยิ่งรอบที่ 3 ยิ่งเหนื่อยช้าครับ แต่ก็พอจะรู้ตัวนะครับว่า รอบที่ 3 เนี่ย คือ พีคสุดของร่างกายในวันนี้แล้ว ขืนวิ่งรอบที่ 4 มีหวังไม่รอด มันเหนื่อยหอบแบบรู้ตัวเองเลยล่ะครับ หลังจากวิ่งเสร็จ ก็เดินต่ออีกครึ่งรอบครับ เพื่อเป็นการคลูดาวน์ หลังจากนั้นก็ยืดเส้นยืดสายเพื่อผ่อนคลาย เป็นอันเสร็จพิธีในวันแรกครับ

       สรุปเลยวันแรกเดินไป 1.2 กม. วิ่งไปอีก 3 รอบ ก็ 3.6 กม. ก็เหนื่อยใช่ย่อยนะครับ ผมต้องฝึกไปเรื่อยๆอยากจะวิ่งให้ได้วันละ 10 กม.เหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้รึเปล่านะครับ เอาใจช่วยผมด้วยนะครับ (ใครจะเอาใจช่วยมึง แหมๆๆ มึงนี่ คิดเข้าข้างตัวเองจริงๆ) เอาน่า เรื่องของกู

       ก่อนจบบทความอยากจะแนะนำนักวิ่งไว้นะครับว่า การวอร์มอัพ การยืดเส้นก่อนวิ่ง การคลูดาวน์ และการยืดเส้นหลังวิ่ง เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆครับ ควรทำทุกครั้งที่ออกกำลังกายนะครับ

ขอบคุณครับ
ต.ต้น