ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 128 (บทความ) _ เกาะสีชัง

เกาะสีชัง
30 มี.ค. 2559

     จากที่ผมได้ไปเที่ยวเกาะสีชังมาแล้ว 2 ครั้ง ทำให้ผมเริ่มจะชอบเกาะแห่งนี้ซะแล้วสิครับ เกาะสีชังเป็นเกาะเล็กๆ มีชายหาดให้ลงเล่นน้ำอย่างสนุกสนานเพียง 1 หาดถ้วน แต่ด้วยความสงบที่ถูกใจผม ผมเลยเริ่มชอบเกาะนี้ซะแล้ว (รู้สึกเหมือนเขียนวนๆเนอะ)

     ไหนๆก็เริ่มชอบแล้ว ก็เลยขอเขียนถึงสักหน่อยดีกว่า ในช่วงแรกก็จะเป็นข้อมูลที่หาจากในอินเตอร์เน็ตมาบอกกล่าวกันนะครับ แล้วในช่วงที่สองก็จะเป็นประสบการณ์ตรงจากผม ว่าทำไมผมเริ่มจะชอบที่นี่แล้ว

     อำเภอเกาะสีชัง หรือ เกาะสีชัง ที่เรานิยมเรียกกันนั้น เป็นเกาะขนาดเล็ก มีเนื้อที่ประมาณ 7.9 ตารางกิโลเมตร มีจำนวนประชากรประมาณ 5,400 คน เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ในอ่าวไทย นอกชายฝั่งอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เป็นอำเภอที่เล็กที่สุดในประเทศไทย (จะไม่เล็กได้ไง มีเนื้อที่แค่ 7.9 ตารางกิโลเมตรเอง)

     เกาะสีชัง มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เกาะหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากเคยเป็นสถานที่เสด็จประพาส และเป็นที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดินของกรุงรัตนโกสินทร์ถึง 3 พระองค์ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

     นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ประสูติพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (เจ้าฟ้าจุฑาธุชฯ) และสร้างพระจุฑาธุชราฐาน ณ เกาะแห่งนี้อีกด้วย ซึ่งทำให้เกาะสีชังเป็นเพียงเกาะเดียวในประเทศไทยที่มีพระราชวัง หรือเขตพระราชฐานตั้งอยู่ (เจ้าฟ้าจุฑาธุชฯ คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชชราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย) **ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

     ส่วนที่มาของชื่อ สีชัง ผมไม่ขอเขียนถึงนะครับ ให้ไปหาคำตอบกันเอาเองนะ เอาเป็นว่าข้อมูลสำคัญต่างๆที่น่าสนใจ (หรือผมสนใจกันแน่) ก็มีเพียงเท่านี้นะครับ ต่อไปผมจะเข้าสู่ประสบการณ์ของผมล่ะ

     เกาะสีชัง เป็นเกาะเล็กๆ และด้วยความเล็กนี่แหละมันจึงสงบ ถนนบนเกาะมีเพียงแค่เส้นเดียว วิ่งวนรอบเกาะ รับรองเลยว่าคุณจะไม่มีวันหลงทางบนเกาะจนต้องนอนค้างคืนในป่าแน่นอน (จะละครไปหน่อยมั้ย) เพราะวิ่งๆไปมันก็จะโผล่ที่เดิมที่เคยผ่านมาแล้ว รถบนเกาะจะเป็นมอเตอร์ไซค์ซะส่วนใหญ่ เท่าที่ไปมา 2 ครั้ง ผมยังแทบไม่เห็นรถยนต์เลยครับ (ไปครั้งหน้า จะลองเช่าจักรยานปั่นดูบ้าง)

     จริงๆเกาะแห่งนี้เป็นเกาะหินล่ะมั้งครับ เพราะมีหน้าผาสูงอยู่หลายจุดเลย ต้องบอกว่าเวลาเดินริมๆหน้าผาต้องระวังน่าดู เพราะถ้าพลาดตกหน้าผาล่ะก็นะ เป็นอาหารปลาแน่นอน หาดบนเกาะจริงๆที่ผมเห็น มีอยู่ 3 แห่ง แต่ 2 แห่งจะเป็นหาดเล็กๆ และมีหินปะปนอยู่มาก เลยไม่เหมาะที่จะลงเล่นสักเท่าไหร่ ส่วนหาดใหญ่ที่สุดของเกาะคือ หาดถ้ำพัง ถึงจะใหญ่ที่สุดของเกาะ แต่ก็ถือว่าเล็กนะ ถ้าเทียบกับหาดที่มีชื่อเสียงที่อื่นๆ

     ที่พักที่ผมไปพักนั้นติดกับหาดถ้ำพังเลย บางวันลมก็เลยแร๊งแรง แรงจนเสื้อผ้าที่ตากไว้ ปลิวตกกระจายเลย แต่บางวันก็นะ เงียบกริบ ลมนิ่งสนิทเลย แปลกดีเหมือนกันนะลมทะเลเนี่ย นึกว่ามันจะมีพัดตลอดซะอีก (อาจจะเป็นเรื่องปกติก็ได้ แต่ผมไม่คุ้นไง นานๆไปเที่ยวสักที)

     สำหรับการเดินทาง ถ้าใครอยากจะเดินทางชิลๆ ไม่เร่งรีบ ไม่นั่งเบียดๆในรถตู้ ผมแนะนำขึ้นรถทัวร์เลยครับ กินเวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมงยี่สิบนาที ถึง สามชั่วโมง แต่ขอบอกเลยว่า รถทัวร์โล่งครับ นั่งชิลๆมาก นั่งคนละเบาะ ยังเหลือที่นั่งอีกเพียบ (หรือผมไปวันธรรมดา มันเลยโล่งก็ไม่รู้นะ ฮ่าาาา)

     ไปมาแล้ว 2 ครั้ง มันก็ต้องมีสิ่งที่ผมคาใจล่ะครับ สิ่งที่ผมคาใจก็คือ มันมีสิ่งก่อสร้างที่ถูกทิ้งร้างหลายแห่งเลยครับ อาคารบางหลังถูกทิ้งทั้งๆที่อยู่ในช่วงกำลังก่อสร้าง บางหลังสร้างเสร็จแล้ว แต่ก็ไม่ได้ใช้งาน ถูกทิ้งร้างก็มี ผมไม่รู้สาเหตุจริงๆที่มันถูกหยุดการก่อสร้าง หรือถูกทิ้งร้างนะครับ แต่ถ้าะจะให้ผมเดานะ ผมคิดว่ามันน่าจะเกิดจากการเติบโตของการท่องเที่ยวในแหล่งอื่นๆ ทำให้เกาะสีชังที่กำลังพัฒนา ถูกมองข้ามไป คนเลยมาเที่ยวน้อยลง ทุกอย่างก็เลยเหมือนถูกหยุดไว้ครับ

     แต่มันก็แค่เดานะครับ ซึ่งผมอาจจะเดาผิดทั้งหมดเลยก็ได้ เรื่องนี้ยังคงคาใจผมต่อไป แต่ถึงจะคาใจ ผมก็ยังจะไปเที่ยวอยู่ดีครับ แล้วสักวันหนึ่ง ผมก็อาจจะสอบถามจากคนบนเกาะดูก็ได้ ว่าทำไมสิ่งก่อสร้างหลายๆแห่ง มันถึงถูกหยุด และทิ้งร้าง

     ก็คงจะเขียนถึงเกาะสีชังเพียงเท่านี้ก่อนนะครับ ถ้าใครชอบความสงบล่ะก็นะ ลองไปเที่ยวดูครับ เผื่อจะติดใจเหมือนผมก็ได้นะ

     ปล. ข้าวผัดปูที่นี่ เนื้อปูเยอะครับ ต้องลอง ฮ่าๆๆ





ความคิดเห็น