ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 129 (บทความ) _ ปฏิวัติตัวเอง สู้โรค NCDs

ปฏิวัติตัวเอง สู้โรค NCDs
24 พ.ค. 2559

     เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้มีโอกาสดูรายการปากโป้ง ทางช่อง 8 ครับ ซึ่งในรายการได้เชิญบุคคลที่ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะป่วยเป็นโรค NCDs ได้ บุคคลที่ว่าคือ นายแพทย์บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ (ค้นในกูเกิล ท่านดังไม่น้อยเลย) ท่านป่วยเป็นโรค NCDs แต่ท่านห่างไกลจากโรคนี้ได้สำเร็จ ด้วยการปฏิวัติตัวเองโดยไม่พึ่งยารักษาโรคครับ (ขนาดแพทย์ยังป่วย แล้วเราจะรออะไรล่ะ) แต่ก่อนที่จะไปดูว่าท่านป่วยเป็นอะไรบ้าง แล้วปฏิวัติตัวเองยังไง ผมขอเชิญทุกท่านไปพบกับโรค NCDs ก่อนละกันนะครับ

     กลุ่มโรค NCDs (Non-Communicable diseases) หรือชื่อภาษาไทยว่า กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เป็นชื่อเรียก กลุ่มโรคที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค ไม่สามารถติดต่อผ่านการสัมผัส คลุกคลี หรือติดต่อผ่านตัวนำโรค(พาหะ) หรือสารคัดหลั่งต่างๆ หากแต่เกิดจากปัจจัยต่างๆภายในร่างกาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากไลฟ์สไตล์ วิธีการใช้ชีวิต ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอย่างเหล้า บุหรี่ ขาดการออกกำลังกาย อาหารหวานมันเค็มจัด และมีความเครียด (ข้อมูลเพิ่มเติม ที่นี่...คลิกเลย)

     หลังจากที่รู้จักกลุ่มโรค NCDs คร่าวๆไปแล้ว ทีนี้มาดูว่า นายแพทย์ (ขอเรียกว่า อาจารย์ แทนนะครับ) ป่วยเป็นโรคอะไรบ้างกันครับ ซึ่งอาจารย์ป่วย 6 โรคดังนี้

     1. เบาหวาน น้ำตาลสูงเกือบ 300 ซึ่งโดยปกติต้องไม่เกิน 100
     2. ความดันโลหิตสูง
     3. ไขมันในเลือดผิดปกติ มีโอกาสจะไปอุดตันหลอดเลือดได้
     4. ตับอักเสบ มีไขมันไปแทรกในตับ ทำให้ตับมีการสลายเอนไซม์ออกมาเยอะแยะไปหมด
     5. โรคอ้วน ด้วยน้ำหนักถึง 114 กิโลกรัม
     6. เลือดข้นเกิน มีปริมาณเม็ดเลือดแดงมากเกินไป

     อาจารย์ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การทานยาในปัจจุบันสำหรับกลุ่มโรค NCDs นั้น ไม่มีทางรักษาหาย (จริงดิจารย์ ?) เราทานเพื่อบังคับไม่ให้โรคแสดงอาการเท่านั้น แต่โรคไม่ได้หายไป และต้องทานยาตลอดชีวิตอีกด้วย ในระยะยาวสุขภาพเรามีการขึ้นๆลงๆ หากทานยาไม่ครบ ไม่ตรงเวลา ก็มีโอกาสถึงขึ้นเป็นคนพิการได้เลยทีเดียว

     กลุ่มโรค NCDs นี้ อาจารย์บอกว่ามันเป็นโรคชุด มาแบบเป็นแพคเกจ เวลาหายมันก็จะหายเป็นแพคเกจด้วยเหมือนกัน (คือ ดูแลตัวเองไม่ดี ก็มา 6 โรครวด พอดูแลตัวเองดีๆ มันก็หายไป 6 โรครวดเช่นกัน ไม่ได้ค่อยๆหายไปทีละโรคๆ) แต่ก็ต้องปฏิวัติตัวเองอย่างเคร่งครัด และถูกต้องด้วย

     ซึ่งอาจารย์ก็ได้สรุปสิ่งที่ไม่ควรทำ และสิ่งที่ควรทำ ออกมาอย่างละ 5 ข้อ ให้เข้าใจง่ายๆ สำหรับคนที่อยากจะปฏิวัติตัวเองสู้โรค NCDs ดังนี้

     สิ่งที่ไม่ควรทำ 5 ข้อ

     1. จินตนาการเชิงลบ ต้องไม่คิดร้าย อิจฉาริษยา ไม่คิดกลัว ไม่คิดให้รู้สึกว่าชีวิตตกต่ำ (มันยากนะจารย์) เพราะความเครียดมีผลต่อจิตใจ แล้วจิตใจก็ส่งผลต่อร่างกาย ถ้าเมื่อไหร่เราคิดลบ ต้องรีบวางให้เร็ว

     2. ห้ามอ้วน (ยากปะล่ะ อิอิ) พยายามทำให้น้ำหนักลดลง หรือให้คงที่ไม่สูงเกินค่าอ้วน

     3. ห้ามรับประทานน้ำตาล เพราะน้ำตาลจะเป็นตัวเร่งให้เราป่วย น้ำตาลเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกาย แต่มันจะอันตรายถ้ารับประทานมากเกินไป เช่น ใน 1 ชั่วโมง ร่างกายควรมีน้ำตาลในเลือดประมาณครี่งช้อนชา แต่เราบริโภคน้ำอัดลมที่มีปริมาณน้ำตาล 8 ช้อนชา หรือชาเขียวที่มี 15 ช้อนชา ภายในเวลา 5 นาที (ยกซดพรวด หมดขวด) น้ำตาลเราก็สูงขึ้นทันที และเกิดการทำลายในร่างกายทันทีโดยที่ไม่รู้สึกเจ็บปวด และด้วยความหวานที่ได้รับ เรากลับรู้สึกสดชื่นแทน เราก็เลยติดนิสัยทานหวานกันเป็นประจำ จนมันค่อยๆสะสมจนอันตรายในระยะยาว ไม่ใช่แค่น้ำอัดลม หรือชาเขียวนะครับ เอาง่ายๆว่า พวกที่มีน้ำตาล ผลไม้รสหวานก็มีความเสี่ยงครับ

     4. งด TRANS FAT หรือน้ำมันที่ผ่านการแปรรูปแล้ว (ผ่านความร้อนล่ะมั้ง ไม่แน่ใจนะครับ) .. ของทอด ของผัดที่ใช้น้ำมันผ่านการแปรรูปแล้วนั่นเอง ซึ่งไขมันที่ผ่านการแปรรูปแล้ว ร่างกายของเราจะไม่รู้จัก ทำให้ต้องมีการจัดการดูแล แล้วก็เป็นไขมันตกค้างในกระแสเลือด เสี่ยงโรคไขมันอุดตันได้ .. TRANS FAT อีกอย่างคือ น้ำตาลเทียม ซึ่งก็อันตรายไม่แพ้น้ำมันที่ผ่านการแปรรูปแล้ว (ข้อ TRAND FAT นี่ ผมไม่เข้าใจที่สุดละ ยังไงก็หาข้อมูลเพิ่มเติมดูนะครับ)

     5. งดโปรตีนจากสัตว์ใหญ่ หรือเนื้อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมนั่นเอง หมู วัว แกะ แพะ ฯลฯ ซึ่งเนื้อสัตว์พวกนี้ใช้เวลาย่อยในร่างกายเราถึง 3 วันเลย (จริงดิ ?) แต่ไม่ได้ห้ามกินนะครับ กินได้ แต่ในปริมาณที่พอเหมาะ แล้วหันไปกินพวกสัตว์น้ำแทน (เอ...แล้วไก่ กับเป็ด อยู่หมวดไหน กินได้มั้ยหว่า จารย์ไม่บอกเลย)

     สิ่งที่ควรทำ 5 ข้อ

     1. กินผัก โดยธรรมชาติมนุษย์เราเป็นสัตว์กินผัก (แต่หลังๆมาเริ่มโหด กินเนื้อด้วย) กินพวกผักกินใบจะดีที่สุด กินก้าน กินต้น ยังไม่ดีเท่ากินใบ ยิ่งกินสดยิ่งดี เคี้ยวให้ละเอียดด้วย กินกับน้ำพริก อร่อยสุดๆ

     2. รับประทานข้าวกล้องจำนวนลดลงเมื่ออายุมากขึ้น (เดี๋ยวรับประทาน เดี๋ยวกิน ใช้ 2 คำสลับไปมา ดูอินเตอร์ เหมือนไทยคำ อังกฤษคำเลยเนาะ) เพราะคนเราจะเริ่มใช้พลังงานลดลงเมื่ออายุ 30 ขึ้นไป จากอายุ 30 ที่กินมื้อละ 2 ทัพพี พออายุ 40 ก็ลดลงเหลือมื้อละทัพพีครึ่ง พออายุ 50 ก็เหลือ 1 ทัพพี พออายุ 70 ก็ไม่ต้องกินละ เฮ้ย ไม่ใช่ ก็กินได้ แต่น้อยๆ แล้วไปเน้นกินผัก กินผลไม้ที่ไม่หวานทดแทน

     3. ออกกำลังกาย วันละอย่างน้อย 30 นาที เป็นมาตรฐานสากลทั่วโลกเลย อย่างน้อย 30 นาที

     4. นอนหลับอย่างน้อยวันละ 4 ชั่วโมง เวลาที่ดีที่สุดคือ สี่ทุ่ม ถึง ตีสอง .. คนอายุน้อยๆจะหลับได้นานกว่าคนอายุเยอะๆ เพราะร่างกายต้องซ่อมแซม และเจริญเติบโต สังเกตได้ว่า ยิ่งอายุเยอะ จะยิ่งตื่นเร็ว บางคนตื่นตี 2-3 อย่าตกใจ มันเป็นเพราะ ร่างกายเราซ่อมแซมเสร็จแล้ว มันก็ตื่น ไม่ต้องตกใจไปหาหมอ มันเป็นปกติของร่างกาย พอตื่นก็หลับต่อได้ (แต่ถ้ายังไม่แก่ แล้วตื่นกลางดึกบ่อยๆ อันนี้ก็หาหมอเถอะครับ) ส่วนเด็กๆนี่ ควรนอนเยอะๆ เพราะร่างกายต้องการการเจริญเติบโตในเวลานอนหลับอย่างมาก 8 ชั่วโมง นอนไปเลยเต็มที่

     5. จินตนาการเชิงบวก คิดบวกให้มากๆ เราแข็งแรง เราไม่ป่วย คิดดีๆต่อคนอื่น แล้วมันจะส่งผลดีต่อจิตใจ แล้วจิตใจก็ทำให้ร่างกายสดชื่น มีแรง

     อ่านกันจบแล้ว ก็ดูท่าทางจะยากใช่มั้ยล่ะครับ ผมบอกได้เลยว่า ผมอ่านแล้ว ผมยังมึนตึ๊บเลยครับ ว่าจะทำได้แบบอาจารย์ไหวเหรอ แต่เอาจริงๆแล้วก็ไม่ต้องทำแบบอาจารย์หมดหรอกครับ แค่เอาเป็นแนวคิด แนวทางก็พอแล้ว

     อ่านแล้วก็ลองมาย้อนดูตัวเอง ว่าในตอนนี้เรามีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบไหน มองดูตัวเองว่า ส่วนไหนควรปรับเปลี่ยนเพื่อสู้กลุ่มโรค NCDs ส่วนไหนปรับได้ก็ปรับ ส่วนไหนปรับไม่ได้ก็ลดลงก็ยังดี น้ำอัดลมเคยกินบ่อยๆ ก็ลดลง เนื้อสัตว์ที่กินแทบทุกมื้อ ก็ลดลงหันไปกินผัก กินปลาแทน ข้าวที่กินเป็นข้าวขาว ก็ลองหาข้าวกล้องกิน มีอีกเยอะครับ ที่เราค่อยๆปรับเปลี่ยนเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเองได้ครับ

     ผมเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่อยากจะมีสุขภาพที่ดี ห่างไกลกลุ่มโรค NCDs นะครับ สู้ๆ

ความคิดเห็น