ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 101 (บทความ) _ เริ่มต้นใหม่ กับ นามปากกาใหม่ ต.ต้น


เริ่มต้นใหม่ กับ นามปากกาใหม่ ต.ต้น
25 / 12 / 2557

     ฝ่าฟันมาจนครบ 100 ตอนจนได้สิน่า (แต่ตอนนี้เป็นตอนที่ 101) ถ้าจะย้อนกลับไปดูตอนที่ 1 ที่เริ่มเขียน และเผยแพร่ลงในโลกออนไลน์ก็ตั้งแต่เรื่องสั้นเรื่อง ฝน เมื่อวันที่ 8 กรกฏาคม 2556 (ย้อนกลับไปดูตั้งนาน กว่าจะเจอ) ใช้เวลา 1 ปีกว่าๆก็ครบ 100 ตอนจนได้ จะว่านานก็ไม่นาน จะว่าช้าก็ไม่เชิง ก็คงจะพอดีๆล่ะเนอะ (ปลอบใจตัวเอง เพราะนักเขียนบางท่าน เขียนเดือนละ 1 เรื่องด้วยซ้ำไป แต่นักเขียนบางคนขยันจัด เขียนมันทุกวันเลย อันนั้นกระผมก็ขอยอมแพ้) ก็เพราะเล่นเขียนๆ หยุดๆ ขี้เกียจบ้าง ติดงานบ้าง มันเลยใช้เวลาพอสมควรกว่าจะครบ 100 ตอน

     ใน 100 ตอนที่เผยแพร่ออกไป ส่วนมากก็จะเป็นบทความล่ะครับ เพราะมันเขียนง่ายกว่าเรื่องสั้นเยอะ บทความมันจะเป็นความคิดเห็นส่วนตัว อยากเขียนอะไรก็เขียนลงไปเลย แต่เรื่องสั้นมันต้องใช้จินตนาการให้ครอบคลุม ต้องเล่าให้ผู้อ่านเห็นภาพ ต้องมีเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม การเขียนเรื่องสั้นเลยต้องใช้อารมณ์อยากเขียนจริงๆ ถึงจะเขียนออก ไม่งั้นเขียนๆไป จะตายเอากลางเรื่องได้ แล้วที่สำคัญอีกอย่างคือ ต้องใช้เวลาว่างจริงๆในการเขียน เพราะถ้าเขียนๆอยู่ แล้วต้องหยุดกลางคันไปทำอย่างอื่น เรื่องสั้นที่กำลังไหลออกจากสมองก็จะต้องหยุด พอกลับมาเริ่มเขียนต่อ อารมณ์มันจะแปลกๆไปแล้ว (หรือจะเป็นที่ผมคนเดียว)

     แรกเริ่มเดิมทีเลย บทความที่เขียนจะสั้นๆ ประมาณ 300 ตัวอักษร หรือแค่ 1 หน้าสมุดขนาดมาตรฐาน (ไม่เชื่อก็ย้อนไปอ่านบทความตอนแรกๆสิ สั้นมากๆ) ตอนแรกที่เริ่มเขียนบทความมันช่างยากเย็นยิ่งนัก ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรให้มันได้ครบ 1 หน้าดี บางทีเขียนไม่ครบ 1 หน้าก็ช่างมัน เพราะคิดไม่ออกแล้ว แต่ตอนนี้ความสามารถเพิ่มขึ้นครับ (Skill +3 แหม...ทำอย่างกับเล่นเกมเลยนะ)  1 หน้าเริ่มจะรู้สึกว่ามันน้อยไปซะละ อย่างน้อยต้อง 2 หน้าขึ้นไป (มาตรฐานอยู่ที่ 2 หน้า ถึง 3 หน้า สำหรับ Skill +3 ของผมในตอนนี้ แน่ะ ยังจะเล่นอีก)  มากที่สุดที่เคยเขียนบทความคือ 5 หน้า ยาวเกือบๆจะเท่าเรื่องสั้น เพราะเรื่องสั้นต่ำสุดคือ 6 หน้า

     ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมอยู่ๆถึงเขียนได้เยอะขึ้นขนาดนั้น แต่พอมาคิดๆดูคงเพราะว่า คิดอะไรออกก็เขียนๆลงไปล่ะมั้ง โม้มันเข้าไป มโนมันเข้าไป ชักแม่น้ำทั้งโลก (ทั้งห้ายังน้อยไป) มันเลยเขียนได้ยาวขึ้น แต่สาระน้อยลง ที่เหลือน้ำล้วนๆ เนื้อแทบไม่มี แต่ก็นะ...เขียนยาวแต่เฮฮา ก็คงจะดีกว่าเขียนสั้นๆแล้วจริงจังจนกลายเป็นน่าเบื่อล่ะเนอะ (ว่าแต่คนไทย อ่านหนังสือเกิน 7 บรรทัดรึยัง)

     บทความที่เขียนก็จะเกาะกระแสบ้างเป็นบางครั้ง แต่ส่วนมากผมจะไม่เขียนเกาะกระแส เพราะมันเขียนยาก กระแสวันนี้เป็นแบบนี้ พอเราเกาะกระแสเขียนบทความไป สักพักหนึ่งไม่เกิน 1 อาทิตย์ หรือ 1 เดือน เอ้า เรื่องที่เราเขียนไปมันผิดนี่หว่า เพราะเรื่องที่เราเกาะกระแสตอนนั้นมันกลับกลายเป็นอีกอย่างไปซะงั้น ถ้ามีคนมาเปิดเจอบทความเก่าของเราเข้า มันก็จะเสียหายมิใช่น้อย เพราะแบบนี้แหละครับ ผมถึงไม่ค่อยเขียนบทความเกาะกระแสสักเท่าไหร่ เนื้อหาบทความส่วนมากก็เลยจะเป็นแบบคิดได้ อยากเขียนก็เขียนเลย หรือหยิบเอาเรื่องราวที่เจอในชีวิตประจำวันมาเล่าสู่กันฟังซะเป็นส่วนใหญ่ (หรือมโนเยอะๆนั่นแหละ)

     ทางด้านเรื่องสั้น ผมชอบเขียนนะครับ ผมจินตนาการได้เยอะ แต่เขียนออกมายังไม่เก่ง (สังเกตได้จากเรื่องสั้นที่ส่งให้ทางขายหัวเราะพิจารณาสิครับ ผ่านแค่ 3 เรื่องเอง) เดินไปไหนมาไหน เห็นอะไรน่าสนใจก็คิด และจินตนาการเป็นเรื่องราวได้ หรือบางทีฟังเพลง ผมก็จะจับเอาท่อนเนื้อเพลงที่มันโดนๆ มาจินตนาการเป็นเรื่องราวได้ แต่ข้อเสียของเรื่องสั้นคือ มันต้องเขียนถึง 6 หน้าขึ้นไปแน่ะ ซึ่งมันยาวพอสมควรจนเรื่องราวที่ผมคิดไว้มันยาวไม่พอ ทีนี้พอมันยาวไม่พอ ผมก็ต้องยืดเนื้อเรื่อง พอยืดก็ได้เรื่องเลย เพราะเนื้อเรื่องมันก็เพี้ยนไปจากที่จินตนาการไว้เลย จนสุดท้ายจบไม่ลง หรือจบไม่สวย บางทีต้องยกเลิกเรื่องสั้นเรื่องนั้นไปเลยก็มี

     แต่ก็มีบางทีที่คิดเนื้อเรื่องไว้ยาวเกินไปเหมือนกัน เขียนไปได้สัก 5 หน้า รู้สึกได้เลยว่า 6-7 หน้าจบไม่ลงแน่ๆ มันต้องเกินไป 8-9 หน้าโน้นถึงจะจบ ผมก็เลยต้องตัดเนื้อเรื่อง ปรับแต่งเนื้อใหม่ให้มันจบใน 6-7 หน้าให้ได้ พอปรับแต่งเนื้อเรื่องใหม่ก็ได้เรื่องเลย มันจบไม่สวยน่ะสิครับ มันจะจบแบบ...อะไรของมึงวะ จบเฉยเลย อะไรงี้ (ลองหาดูเถอะครับ เรื่องสั้นที่จบแบบแปลกๆจะมีอยู่ประมาณ 3 เรื่อง)

     เอาล่ะ จบเรื่องบทความ และเรื่องสั้นไว้แต่เพียงเท่านี้จะดีกว่า มาพูดกันถึงเรื่อง ความเปลี่ยนแปลงของบล็อคที่จะเกิดขึ้นดีกว่า

     อย่างแรกเลยที่ทุกคนคงได้รับรู้กันอยู่แล้วนั่นก็คือ url ของบล็อคนั่นเอง จาก boxsixsided เปลี่ยนมาเป็น gototon เวลาพิมพ์ url ก็น่าจะง่ายขึ้น จำก็ง่ายขึ้นด้วยนะครับ จริงๆแล้วไม่ได้อยากใช้ url นี้หรอกนะครับ เพียงแต่ว่าลองค้นหา url สวยๆที่อยากใช้แล้ว มันไม่ว่างน่ะสิครับ iamton นี่ อยากใช้มากๆ แต่ดันมีคนสอยไปแล้ว ผมก็เลยอดดิ แล้วพอค้นไปค้นมา อันนี้ อันนั้น อันไหนก็ไม่ว่าง จนมาลงตัวที่ url นี้แหละครับ

     อย่างที่สอง คือ นามปากกา จาก กล่องหกด้าน ก็เปลี่ยนมาเป็น ต.ต้น สั้นๆ แต่ได้ใจความ (ใจความตรงไหน) อย่างที่เคยอธิบายไปนะครับว่าทำไมถึงอยากจะเปลี่ยน แต่ขออธิบายอีกที เผื่อบางคนยังไม่รู้ ที่อยากจะเปลี่ยนก็เพราะว่า กล่องหกด้าน มันฟังดูตันๆ เหมือนมันยังอึดอัดๆน่ะครับ เลยใช้ชื่อตัวเอง ต.ต้น เลยจะดีกว่า มันดูแล้วปลดปล่อยความเป็นตัวตนได้มากกว่ากล่องเยอะ...แค่นี้แหละ

     อย่างที่สาม คือ ชื่อบทความ และเรื่องสั้น ผมจะไม่ทำรูปมาแปะเหมือน 100 ตอนที่ผ่านมาแล้วนะครับ เพราะมันต้องใช้โปรแกรมในการแต่งรูป แล้วบางทีมันไม่สะดวก ผมเลยใช้วิธีเขียนชื่อบทความ และเรื่องสั้นไปอย่างเดียวเพียวๆเลยจะดีกว่า ง่ายกว่าเยอะ (จริงๆทุกวันนี้ แค่เอารูปชื่อบทความ และเรื่องสั้นออก มันก็จบแล้วนะ ... แล้วจะเขียนบอกทำไมล่ะเนี่ย) แต่บางทีอาจจะหารูปที่มันเกี่ยวของกับบทความมาแปะ เพื่อให้ดูสวยงาม และน่าสนใจก็ได้

     อย่างที่สี่ คือ บทความ อาจจะเขียนให้สั้นลง ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ขี้เกียจล้วนๆเลย (ประจานตัวเองเข้าไปอีก) 

     อย่างที่ห้า คือ เรื่องสั้น อาจจะไม่สั้น เพราะผมคิดว่าจะไม่ส่งเรื่องสั้นให้ทางขายหัวเราะพิจารณาทุกเรื่องเหมือนที่ผ่านมา เรื่องสั้นที่มันยาวทะลุ 9-10 หน้า ผมก็จะปล่อยมันยาวไปเลย ไม่ตัดเนื้อเรื่อง พิมพ์เสร็จก็โพสลงบล็อคให้ได้อ่านกันอย่างเดียวพอ หรือเรื่องสั้นที่ยาวไม่ถึง 6 หน้า ผมก็จะไม่ยืดเนื้อเรื่องให้มันจบไม่สวย จบแค่ไหนเอาแค่นั้น โพสให้ได้อ่านกันเลย

     คววามเปลี่ยนแปลงก็คงจะมีเพียงเท่านี้แหละครับ ถ้ามีความเปลี่ยนแปลงอีก ผมจะ...แอบๆเปลี่ยนไม่ให้ใครรู้

ความคิดเห็น