ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 117 (เรื่องสั้น) _ เขา หรือ เธอ

เขา หรือ เธอ
07 / 07 / 2558

     สวัสดีครับ ผมชื่อโจ้นะครับ ตอนนี้ผมมีปัญหาเรื่องความรักอยู่ครับ ผมว่าจะโทรไปขอคำปรึกษาจากดีเจพี่อ้อย แต่โทรไปหลายทีแล้วไม่ทันคนอื่นสักที แต่ผมเชื่อว่าสักวันต้องเป็นวันของผมบ้างล่ะที่จะได้ปรึกษาเรื่องความรักของผมกับดีเจพี่อ้อย

     แต่ก่อนที่ผมจะได้โทรไปปรึกษาดีเจพี่อ้อย ผมว่าคุณคงอยากรู้ใช่รึเปล่าล่ะ ว่าผมมีปัญหาอะไร เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังก่อนก็ได้ครับ

     ย้อนไปเมื่อประมาณสิบปีก่อน ตอนนั้นผมเรียนอยู่ชั้น ม.1 อายุก็เพิ่งจะ 13 เท่านั้น เรียกได้ว่ากำลังก้าวเข้าสู่วัยรุ่นเลยล่ะ ชีวิตก็มีทั้งการเรียน การเล่นสนุกต่างๆ มีเพื่อนเยอะแยะ แล้วก็เริ่มสนใจในเรื่องของความรัก ตอนนั้นหน้าตาผมก็ไม่ได้ดูดีหรอกนะครับ แต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่ซะจนดูไม่ได้ เวลาผมยิ้มให้สาวๆ ก็มีทั้งเฉยๆ แล้วก็ยิ้มตอบ

    แล้วก็มีอยู่วันหนึ่งครับ ระหว่างที่ผมเดินกลับบ้าน คือแบบว่า..บ้านผมอยู่ใกล้โรงเรียนน่ะครับ ผมเลยใช้วิธีเดินเท้าไปกลับทุกวันเลย ต่อๆ ระหว่างที่ผมเดินกลับบ้านอยู่นั้น อืม..น่าจะสักหกโมงกว่าๆเกือบจะหนึ่งทุ่มล่ะมั้งครับ ผมเดินผ่านร้านอาหารตามสั่ง แล้วผมก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันอะไรก็ไม่รู้เสียงดังเลย ผมก็เลยมองเข้าไปในร้านอาหารตามสั่งครับ สิ่งที่ผมเห็นคือ มีคนยิ้มให้ผมครับ ตอนนั้นผมยังเฉยๆนะครับไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย แต่ด้วยความที่ผมอยากรู้ว่าเขายิ้มให้ผมทำไม ผมเลยยืนจ้องเขาต่อครับ แล้วผมก็เจอเขายิ้มให้อีกครั้ง คราวนี้เหมือนว่าผมจะตกหลุมรักเขาเข้าอย่างจังเลยครับ

     ผมเดินกลับมาถึงบ้าน เชื่อมั้ยครับว่า ผมเดินยิ้มมาตลอดทางเลยครับ ผมรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ผมคิดถึงรอยยิ้มของเขาตลอด รอยยิ้มของเขาทำให้ผมมีความสุขมากๆครับ แล้วหลังจากนั้นผมก็ได้เจอเขาอีกครั้งในวันถัดมา ผมตัดสินใจที่จะคบกับเขาครับ แม้ว่ามันจะเร็วเกินไป และเขาก็เป็นฝ่ายเข้ามาจีบผมก่อนก็ตาม แต่ในเมื่อหัวใจของผมยกให้เขาไปแล้ว ผมก็ถอนตัวลำบากแล้วล่ะครับ

     ระหว่างที่ผมคบกับเขา แรกๆเขาก็ดีนะครับ เอาใจผมตลอด ผมอยากได้อะไร เขาก็ทำให้ผมได้ตลอด บางทีเขาก็พาผมไปเที่ยวต่างประเทศด้วยนะครับ แม้ว่าจะเป็นแค่แถวๆเอเชียก็เถอะ แต่ผมก็มีความสุขมากเลย ที่เขาทำเพื่อผมมากขนาดนั้น ตอนนั้นผมคิดว่าอยากจะอยู่กับเขาตลอดไปเลย แต่..คงเพราะระยะเวลาล่ะมั้งครับ มันเลยทำให้เขาเปลี่ยนไป เขาดูแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ค่อยเอาใจผมเหมือนเก่า ทั้งๆที่ผมคอยเอาใจเขาอยู่ตลอด หลังๆมาเริ่มมีขัดใจกัน ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นทะเลาะกันรุนแรงก็เถอะ เขาพยายามประคับประคองความสัมพันธ์กับผมนะครับ พาไปเที่ยวต่างประเทศก็มีบ้าง แต่ความรู้สึกมีความสุขมันก็เหมือนจะไม่เต็มที่สักเท่าไหร่

     เวลาผ่านไปได้ประมาณสิบปีเลยทีเดียวที่ผมคบกับเขา จากวันแรกๆ ปีแรกๆที่เขาทำให้ผมความสุข ผ่านระยะเวลาไปเรื่อยๆ จนทำให้ความหวานชื่นลดน้อยลงมาก จนผมคิดว่าคงไปกันไม่รอดแล้วแน่ๆ ประกอบกับตอนนั้นผมเรียนจบแล้วด้วย ผมได้เริ่มทำงานจนผมได้พบกับคนใหม่จนได้

     ผมไม่อยากจะเป็นคนไม่ดีหรอกนะครับ แต่ในเมื่อความรักมันลดลงแล้ว ฝืนต่อไปก็คงจะมีแต่เจ็บ ผมเลยตัดสินใจห่างจากคนเดิม แล้วมาคบคนใหม่แทน แต่ก็น่าแปลกนะครับ กับคนใหม่ที่ได้คบกัน เธอก็เป็นคนเข้ามาจีบผมก่อนอีกแล้ว แถมเหตุการณ์ยังคล้ายๆกับคนเก่าด้วย

     เย็นวันนั้นผมเลิกงานแล้วต้องไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าครับ แต่ด้วยความหิวข้าว ผมก็เลยแวะไปที่ศูนย์อาหารก่อน และที่นั่นก็ทำให้ผมได้พบกับเธอครับ ระหว่างที่ผมนั่งกินข้าวอยู่นั้น ผมก็หันไปเจอรอยยิ้มของเธอเข้าอย่างจังเลยครับ รอยยิ้มของเธอทำเอาผมรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ตอนนั้นผมคิดว่า ผมคงต้องเลิกกับคนเก่าแล้วมาคบกับคนใหม่แล้วล่ะ และในที่สุดผมก็ทำตามที่ผมคิดจนสำเร็จล่ะครับ

     ผมคบกับคนใหม่อย่างมีความสุขมาประมาณปีกว่าๆแล้วครับ เธอเอาใจผมดีมาก เธอพาผมไปเที่ยวต่างประเทศเหมือนคนเก่าด้วยนะครับ ถึงแม้ว่าจะเป็นประเทศเดียวกันกับที่คนเก่าเคยพาไป แต่มันก็สนุกคนละแบบไปเลย ส่วนคนเก่าน่ะเหรอครับ หลังจากที่ผมเลิกคบกับเขาไป ผมก็ยังมีติดตามความเคลื่อนไหวของเขาอยู่บ้าง ก็คนเคยคบกันเนอะครับ มันก็ยังมีความเป็นห่วงอยู่บ้าง แต่เท่าที่รู้ความเคลื่อนไหว เขาก็ยังคงแย่เหมือนเดิม เหมือนว่านิสัยของเขาจะเปลี่ยนไปน่ะครับ ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายนัก เพราะผมมีคนใหม่ที่ดีอยู่แล้ว

     จนมาวันหนึ่ง คนเก่าของผมกลายเป็นคนละคนครับ จากที่เป็นคนแย่ๆ ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง กลายเป็นว่านิสัยดีขึ้นมาก ทำอะไรก็ดูจะประสบความสำเร็จไปซะหมด ผมยอมรับเลยว่า ตอนที่รู้ข่าวของเขา ผมรู้สึกสับสนมาก แต่ก็คิดว่าคงดีได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวก็คงแย่เหมือนเดิม ผมก็เลยพยายามไม่ใส่ใจ แล้วเลือกที่จะคบกับคนใหม่ต่อไป

     แต่ตอนนี้น่ะสิครับ ทั้งคนใหม่ ทั้งคนเก่า ดีด้วยกันทั้งคู่เลย จะว่าผมเลวก็ได้นะครับ เพราะตอนนี้ผมสับสนมากไม่รู้ว่าจะเลือกใครดี คนใหม่ก็ยังดีมาก ส่วนคนเก่าก็เริ่มเข้ามาหา เริ่มทำให้ผมรู้สึกหวั่นไหว เพราะเขาดีขึ้นมากซะเหลือเกิน จนแทบจะกลายเป็นคนเดิมที่ผมรู้จักตอนแรกๆเลย ไม่สิๆอาจจะดีกว่านั้นด้วยซ้ำไป

     นี่แหละครับปัญหาเรื่องความรักของผม ที่ผมต้องหาที่ปรึกษา ใจหนึ่งก็อยากได้คำปรึกษาจากพี่อ้อย แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวพี่อ้อยจะด่า แต่ยังไงผมก็ขอลองดูสักทีก่อนละกัน เผื่อว่าพี่อ้อยจะมีแนวทางดีๆช่วยผมได้

     วันนี้วันหยุดครับ ผมมีนัดกับคนใหม่ช่วงบ่ายๆที่ห้างเดิมที่เราเจอกันครั้งแรก แล้วตอนเย็นผมก็มีนัดกับคนเก่าที่ร้านอาหารครับ ตอนนี้ผมกลายเป็นคนนิสัยไม่ดีเลยครับ ผมคบซ้อน ผมรู้นะว่ามันไม่ดี แต่มันก็ยังไม่รู้จะเลือกใครนี่ครับ ผมจะทำยังไงดี ผมต้องรีบหาทางปรึกษาพี่อ้อยให้ได้เร็วที่สุดแล้วล่ะครับ

     ดีเจพี่อ้อย: สวัสดีค่ะ คุณอะไรคะ
   
     ผม : สวัสดีครับ ผมโจ้ครับ
   
     ดีเจพี่อ้อย: คุณโจ้นะคะ วันนี้มีเรื่องอะไรมาปรึกษาคะ
   
     ผม : คืองี้นะครับพี่อ้อย ตอนนี้ผมสับสนมากเลยครับ คนใหม่ก็ดี คนเก่าก็เริ่มกลับมาดีด้วย ทำให้ผมเลือกไม่ถูกเลยว่าจะเลือกใครดีน่ะครับ
   
     ดีเจพี่อ้อย : อืม แบบนี้ก็แสดงว่าคุณโจ้เป็นผู้ชายที่เอาเปรียบผู้หญิงนะคะเนี่ย
   
     ผม : จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่ผมว่ามันต้องมีทางออกนะครับ ผมเลยตัดสินใจโทรมาขอคำปรึกษาจากพี่อ้อยนี่แหละครับ
   
     ดีเจพี่อ้อย : จริงๆพี่ไม่อยากให้ใครต้องเสียใจนะคะ แต่ในเมื่อมันจำเป็นต้องเลือกจริงๆ พี่ก็จะช่วยแนะนำให้ก็ได้ค่ะ แต่คุณโจ้ต้องเล่าถึงคนทั้งสองให้พี่ฟังก่อนนะคะ พี่ถึงจะให้คำแนะนำได้ค่ะ
   
     ผม : (เล่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับคนเก่า และคนใหม่ให้พี่อ้อยได้ฟังจนหมด)
   
     ดีเจพี่อ้อย : คุณโจ้คะ ตอนนี้คุณโจ้อยู่ที่ไหนคะ อยู่ห้องพัก หรืออยู่บ้านคะ
   
     ผม : ผมอยู่ห้องพักครับ ทำไมเหรอครับ
   
     ดีเจพี่อ้อย : คุณโจ้หาหมอนสักใบนะคะ ถือไปที่มุมห้องค่ะ มุมไหนก็ได้ตามใจคุณโจ้เลยนะคะ แล้วคุณโจ้ก็นอนค่ะ แล้วก็แค่นี้นะคะ พี่อ้อยจะได้รับสายคนอื่นต่อค่ะ ตรู๊ดๆๆๆ
   
     ผม : อ้าว ขนาดพี่อ้อยยังให้คำปรึกษาไม่ได้ แล้วใครจะช่วยให้คำปรึกษาผมได้ล่ะเนี่ย

     สงสัยกันใช่มั้ยล่ะครับ ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไงกันแน่ ขนาดดีเจพี่อ้อยยังยอมแพ้เลย คืองี้นะครับ
   
     ผม : ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังนะครับ ขอเริ่มจากคนเก่าก่อนนะครับ
   
     ดีเจพี่อ้อย : จัดมาเลยค่ะ พี่รอฟังอยู่ค่ะ
   
     ผม : เมื่อตอนนั้นผมเรียนอยู่มอหนึ่งครับ ผมไปเจอเขาที่ร้านอาหารตามสั่งครับ ผมเลิกเรียนแล้วกำลังเดินกลับบ้าน แล้วผมก็เจอเขายิ้มให้ผมจากในร้านอาหารครับ ตอนแรกผมก็เฉยๆนะครับ แล้วภาพก็ฉายซ้ำไปที่จังหวะ ตะวัน ศรีปาน จ่ายทะลุช่องไปให้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หลุดเข้าไปยิงผ่านมือผู้รักษาประตูของคู่แข่งในศึกฟุตบอลซีเกมส์ ก่อนที่พี่ซิโก้จะตีลังกาท่าดีใจของพี่เขาอย่างสุดสวย แล้ววิ่งมาดีใจกับ บิ๊กหอย-ธวัชชัย สัจจกุล เป็นจังหวะที่กล้องจับภาพพี่ซิโก้ยิ้มพอดี แล้วตั้งแต่วินาทีนั้นมา ผมก็เลยกลายเป็นแฟนของฟุตบอลชายทีมชาติไทยไปเลยครับ

     ดีเจพี่อ้อย : เอ๊ะ เดี๋ยวนะคะ เดี๋ยวๆ ยังไงนะคะ

     ผม : อย่าเพิ่งขัดครับพี่อ้อย ผมขอเล่าให้จบก่อน แล้วตั้งแต่นั้นมาผมก็เป็นแฟนบอลมาตลอด จนหมดยุคของพี่ซิโก้ไป ฟุตบอลชายทีมชาติไทยก็เริ่มเข้าสู่ยุคตกต่ำครับ ผมเลยเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีละ จนพอผมเริ่มทำงานครับ ผมก็มาเจอกับรอยยิ้มของคนใหม่ที่ศูนย์อาหารของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งครับ จังหวะนั้นภาพฉายซ้ำที่ ซาร่า-นุศรา ต้อมคำ เซตบอลสั้นให้ นิ้งหน่อง-ปลื้มจิตร์ ถินขาว ตีเร็วจนผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามรับบอลไม่ทันครับ ก่อนที่ทั้งสองคนจะยิ้มให้กล้อง แล้วก็เป็นรอยยิ้มของนิ้งหน่องล่ะครับ ที่ทำให้ผมกลายเป็นแฟนวอลเล่ย์บอลหญิงทีมชาติไทยในที่สุด

     ดีเจพี่อ้อย : คุณโจ้คะ...

     ผม : เดี๋ยวครับ เกือบจบแล้วครับพี่อ้อยอีกนิดเดียว แล้วระหว่างที่ผมทิ้งฟุตบอลชายทีมชาติไทยมาเป็นแฟนวอลเล่ย์บอลหญิงทีมชาติไทยอยู่นั้น ก็มีข่าวว่าพี่ซิโก้เข้ามาทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลชายทีมชาติไทย จนทำให้ฟุตบอลชายทีมชาติไทยกลับมาผงาดอีกครั้ง พอผมได้กลับไปดูการแข่งขันของฟุตบอลชายทีมชาติไทยอีกครั้ง ได้เห็นรอยยิ้มของพี่ซิโก้อีกครั้ง มันเลยทำให้ผมเกิดความลังเล สับสน ว่าจะเลือกใครดีระหว่างคนใหม่ วอลเล่ย์บอลหญิงทีมชาติไทย กับคนเก่า ฟุตบอลชายทีมชาติไทย พี่อ้อยช่วยให้คำแนะนำผมหน่อยนะครับ

     ดีเจพี่อ้อย : คุณโจ้คะ ตอนนี้คุณโจ้อยู่ที่ไหนคะ อยู่ห้องพัก หรืออยู่บ้านคะ
   
     ผม : ผมอยู่ห้องพักครับ ทำไมเหรอครับ
   
     ดีเจพี่อ้อย : คุณโจ้หาหมอนสักใบนะคะ ถือไปที่มุมห้องค่ะ มุมไหนก็ได้ตามใจคุณโจ้เลยนะคะ แล้วคุณโจ้ก็นอนค่ะ แล้วก็แค่นี้นะคะ พี่อ้อยจะได้รับสายคนอื่นต่อค่ะ ตรู๊ดๆๆๆ

     ในเมื่อดีเจพี่อ้อยก็ยังให้คำแนะนำผมไม่ได้ งั้นผมก็ยอมเป็นคนหลายใจตลอดไปเลยก็แล้วกัน...ไทยแลนด์สู้ๆ

ความคิดเห็น