ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 63 (เรื่องสั้น) _ ณ จุดๆนี้


ณ จุดๆนี้

     "ครืน ครืน ซ่า ซ่า..." เสียงคลื่นน้ำทะเลซัดสาดเข้าฝั่งตรงที่ผมยืนอยู่ นอกจากคลื่นน้ำทะเลที่แรงแล้ว ก็ยังมีลมที่พัดแรงอีกด้วย อากาศดีจริงๆ ถึงแม้จะเย็นจนเกือบหนาวไปสักหน่อยก็เถอะ

     ผมยืนอยู่ตรงระเบียงของบ้านพักชายทะเลแห่งหนึ่ง ผมมาเที่ยวทะเลครับ มาเช่าบ้านพักแห่งหนึ่งอยู่กับหญิงสาวอีกคนหนึ่ง เรามากันสองคน เพราะเธอรบเร้าอยากจะมาเที่ยวทะเลให้ได้ ผมก็เลยตัดสินใจพอเธอมาจนได้ เพราะกลัวว่าถ้าขัดใจเธอมากเกินไป ผมก็อาจจะเสียเธอไปก็ได้

     ณ ตอนนี้เวลาตีสี่กว่าๆ ผมตกใจตื่นขึ้นมาก่อนเธอ ผมเห็นเธอนอนหลับสนิท ดูมีความสุขมาก ผมก็ดีใจแล้วที่ได้ทำเพื่อเธอคนนี้ คนที่ผมรักมากที่สุดในตอนนี้ ผมลุกจากที่นอนมาเข้าห้องน้ำ แล้วแวะออกมาที่ระเบียงบ้านพักเพื่อรับอากาศดีๆสักหน่อย ก่อนที่จะกลับเข้าไปนอนต่อ

     "อืม อากาศดีจริงๆ สดชื่นมาก ตาสว่างซะละ กลับไปนอนต่อมันจะหลับรึเปล่าล่ะเนี่ย" ผมบ่นกับตัวเองคนเดียวที่ระเบียงของบ้านพัก ที่ยื่นออกมาในทะเลพอสมควร จนเหมือนกับว่าผมยืนอยู่บนเรือที่จอดเทียบฝั่งอยู่

     ผมยืนอยู่ตรงระเบียงได้สักพัก ก็ตัดสินใจกลับเข้าบ้านพักไปนอนต่อ แต่ก่อนที่ผมจะกลับเข้าไปในบ้านพัก หางตาของผมเหมือนจะเห็นอะไรแวบๆ เหมือนมีคนยืนอยู่ที่ระเบียงบ้านพักหลังข้างๆ ซึ่งระเบียงมีความห่างกันไม่ถึงหนึ่งเมตร ผมตกใจแต่ก็ทำใจกล้า หันไปมองให้เต็มตา

     "โอ้ว แม่เจ้า น่ารักอะไรขนาดนี้ แต่ว่าตีสี่กว่าๆ คนหรือผีล่ะนั่น" สิ่งที่ผมเห็นหลังจากที่หันไปมองให้เต็มตาก็คือ หญิงสาวคนหนึ่งในชุดนอนเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว เธอตัวเล็กๆ ผมสั้นเหมือนเด็กมัธยม เธอดูน่ารักมาก แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าเธอคือ คนหรือผี เพราะมันยังไม่เช้าเลย แค่ตีสี่กว่าๆเอง ผมตัดสินใจลองยืนตัวตรง แล้วโบกมือให้เธอ ดูว่าเธอจะหันมารึเปลา

     "ทำอะไรคะ ออกกำลังกายเหรอ" หลังจากที่ผมยืนโบกมืออยู่สักพัก เธอก็คงรู้สึกเหมือนมีอะไรแวบๆที่หางตา เหมือนที่ผมรู้สึกเมื่อครู่นี้ แล้วเธอก็หันมามองผมแบบ งงๆ ก่อนที่จะถามว่าผมทำอะไรอยู่

     "อ่อ เออ คือ...ลองโบกมือให้คุณนั่นแหละครับ" เธอถามผมว่า ผมทำอะไรอยู่ แต่บังเอิญว่าผมลืมคิดคำตอบไว้ล่วงหน้า ว่าถ้าเธอเป็นคน แล้วหันมาถามผมแบบนี้ ผมจะตอบยังไงดี และด้วยความตกใจ บวกกับความน่ารักของเธอ ทำให้ผมคิดอะไรไม่ออก คิดอะไรไม่ทัน บอกความจริงออกไปซะเลย

     "โบกมือทักฉันเหรอ ทำไมคะ มีอะไรรึเปล่า" เธอเดินเข้ามาชิดระเบียงบ้านพักของเธอ ซึ่งอยู่ใกล้กับระเบียงบ้านพักของผม ทำให้ผมเห็นเธอชัดเจนยิ่งขึ้น เธอเป็นคนแน่นอน แถมยังน่ารักมากๆซะด้วย

     "พอดีผมไม่แน่ใจ ว่าคุณเป็นคนหรือผีน่ะครับ เพราะตอนนี้พึ่งจะตีสี่กว่าๆเอง ก็เลยลองทักดู ถ้าเป็นผีจะได้รีบวิ่งเข้าบ้าน ล็อคประตู มุดที่นอน สวดมนต์น่ะครับ แต่ถ้าเป็นคนก็จะได้สบายใจหน่อย" ผมพูดไปยิ้มไป แก้เขินที่คิดว่าเธอเป็นผี

     "ผีอะไรจะน่ารักขนาดนี้ล่ะคะ" เธอพูดจบ เธอก็ยิ้ม หัวเราะ จนความน่ารักของเธอโดนใจผมเข้าอย่างจัง

     "นั่นสินะครับ ถ้าจะน่ารักขนาดนี้ ถึงจะเป็นผี ผมก็คงยอมหลงรักผีล่ะครับ" ผมเองก็คารมดีไม่น้อย เลยพูดแซวเธอกลับไป แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นความเงียบเข้าปกคลุมซะอย่างงั้น

     "จะยอมหลงรักผีแบบฉันจริงๆเหรอคะ" ในความเงียบที่เกิดขึ้น อยู่ๆน้ำเสียงของเธอก็เปลี่ยนไป การพูดก็พูดลากเสียงยาวขึ้นเหมือนผี ทำเอาผมหน้าถอดสี ยืนตัวแข็งไปชั่วขณะ

     "ฮ่าๆๆ ล้อเล่นน่ะค่ะ ฉันเป็นคนค่ะ ไม่ใช่ผี บอกแล้วไงว่าผีที่ไหนจะน่ารักได้ขนาดนี้ล่ะคะ" เธอหัวเราะออกมาแบบสนุกสนานมากทีเดียว ที่หลอกผมให้ตกใจกลัวได้ ผมหายจากอาการตกใจแล้ว ก็ได้พบเจอกับความสดใสของเธอ ผมอยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้ซะแล้วสิ

     "เล่นซะตกใจ เกือบใส่เกียร์หมาแล้วนะครับนั่น" ผมบอกกับเธอ เธอยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้แกล้งผม

     "มาเที่ยวกับใครเหรอครับ" ในเมื่อผมอยากรู้จักเธอให้มากขึ้น ผมก็ต้องชวนเธอคุย

     "มาคนเดียวค่ะ" เธอตอบผมด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จากที่กำลังร่างเริง กลายเป็นเครียดในทันที

     "อ้าว เหรอครับ มีอะไรรึเปล่าครับ สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย แล้วมาคนเดียวแบบนี้ ไม่กลัวเหรอครับ" ผมสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไป เลยถามด้วยความเป็นห่วง

     "ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่เหนื่อยกับงานแค่นั้นเองค่ะ ได้พักผ่อนเที่ยวทะเล เดี๋ยวก็ดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ" เธอมีสีหน้าที่ดีขึ้น เธอยิ้มได้อีกครั้ง ทำเอาผมค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย

     "แล้วคุณล่ะค่ะ มาเที่ยวกับใคร กับแฟนล่ะสิ ใช่รึเปล่าคะ หน้าตาหล่อๆแบบนี้ ความโสดไม่น่าจะอยู่กับคุณได้นานหรอก" ดูเธอช่างพูด ช่างเจรจาซะจริงๆ ทำเอาผมยิ่งอยากรู้จักเธอให้มากขึ้นไปอีก

     "คุณทายผิดครับ ผมยังโสด แล้วก็มาเที่ยวคนเดียวนะครับ" ผมตอบเธอด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ สายตาของผมจ้องไปที่ตาของเธอ จนเธอต้องหลบตา

     "คุณล่ะครับ มีแฟนแล้วใช่รึเปล่า เพราะน่ารักๆแบบนี้ ความโสดก็ไม่น่าจะอยู่กับคุณได้นานหรอกจริงรึเปล่าครับ เอ...แล้วทำไมแฟนไม่มาด้วยล่ะครับ" ในเมื่อเธอช่างพูด ช่างเจรจา ผมก็ต้องตามเธอให้ทัน ด้วยคำพูดที่คล้ายๆกัน

     "เออ...ฉันยังโสดค่ะ ยังไม่มีแฟน" เธอมีท่าทางเขินอย่างชัดเจน พูดไม่มองหน้าผมเหมือนตอนแรกๆ ทำให้ผมรู้ได้เลยว่า ผมเปิดเกมรุกใส่เธอ เพื่อจีบเธอได้เลย

     ผมหันไปมองในบ้านพัก หญิงสาวที่มากับผมยังคงนอนหลับสนิท จากความเพลีย จากกิจกรรมเมื่อวานนี้ แล้วผมก็หันมาคุยหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าของผมต่อ

     "ไม่น่าเชื่อนะครับ ว่าน่ารักขนาดนี้ จะยังโสดอยู่อีก" ผมแซวเธอ

     "ทีคุณล่ะคะ หล่อขนาดนี้ ก็ยังโสดอยู่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ เอ๊ะ หรือคุณเป็นเกย์" เธอทำท่าทางตกใจ

     "ลองดูมั้ยล่ะครับ ถ้าผมเป็นเกย์ ผมอยู่กับคุณสองต่อสอง ผมต้องไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ลองมั้ยครับ" ผมพูดลองเชิงเธอดู

     "บ้าไปแล้ว แต่ก็น่าสนนะคะ ปะ ไปลองดูกันเลย ฮ่าๆๆ" อาการเขินของเธอหายไปหมดสิ้น กลายเป็นความร่าเริงเหมือนตอนแรกที่เจอกันแล้ว

     "คุณชื่ออะไรคะ" เธอถามชื่อผม ด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ นี่เธอคิดอะไรอยู่กันนะ

     "ผมชื่อ จัสติน ครับ" ด้วยสีหน้าของเธอที่ดูเจ้าเล่ห์จนเกินไป ผมเลยโกหกบอกชื่ออื่นแทนชื่อจริงๆของผม

     "ห๊า คนอะไรชื่อ จ๊ากตีน ชื่อพิลึกจริงๆเลย ใครตั้งให้คะเนี่ย" เธอทำหน้าตลกใส่ผม นี่สินะคือเหตุผลที่เธอทำหน้าเจ้าเล่ห์ตอนถามชื่อของผม

     "ใครตั้งให้ก็ช่างเถอะครับ แล้วคุณล่ะครับ ชื่ออะไร" ผมทำหน้าเจ้าเล่ห์ ถามชื่อของเธอกลับไปบ้าง ดูเธอเองก็คงจะรู้ตัว ว่าผมอาจจะรอแกล้งล้อชื่อของเธออยู่

     "ฉันชื่อ นางฟ้า ค่ะ" จากคำตอบของเธอ ผมรู้ได้เลยว่า เธอก็ตั้งใจโกหกชื่อของตัวเองเหมือนกัน แต่ด้วยความเจ้าเล่ห์ของผม ไม่ว่าเธอจะตอบมาว่าเธอชื่ออะไร ก็หลบไม่พ้นการแกล้งของผมหรอก

     "อ่อ ชื่อ ที่รัก นี่เอง ชื่อเพราะดีจริงๆ เหมาะกับคนน่ารักๆแบบคุณจริงๆเลยที่รัก" ผมพูดจบ เธอทำหน้าอึ้งๆ อ้าปากค้าง

     "กล้าเล่นเนอะมุขนี้น่ะ" เธอทำหน้าตาแบบที่ผมก็อธิบายไม่ถูก ว่าเธอรู้สึกยังไงกันแน่ แต่ผมรู้สึกได้อยู่อย่างหนึ่งคือ เธอมีเสน่ห์ เธอน่ารัก เธอเข้าไปนั่งในใจผมซะแล้ว

     ผมกับเธอยืนคุยกันที่ระเบียงนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ เพราะผมกับเธอคุยกันถูกคอ แกล้งกันไปก็แกล้งกันมา จนกว่าจะรู้ตัวว่าเข้าไปนอนตอนนี้ ก็ไม่ทันซะแล้ว ก็ตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นนั่นแหละครับ ความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้น สายลมที่แผ่วเบากระทบกาย กลิ่นอายของน้ำทะเลที่กระทบฝั่ง บรรยากาศทุกอย่างช่างดี และเป็นใจเหลือเกิน ผมกับเธอมองสบตากัน ต่างคนต่างยิ้มให้กัน แต่ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรออกไป หญิงสาวที่มากับผมก็ออกมาหาผมที่ระเบียงซะก่อน

     "พ่อคะ ทำไมพ่อไม่ปลุกหนูมาดูพระอาทิตย์ตก เอ้ย ขึ้นล่ะคะ พ่อลืมสัญญาเหรอคะ ดีนะที่หนูตั้งนาฬิกาปลุกไว้ ไม่งั้นอดดูแน่ๆเลย" ลูกสาววัย 13 ปี ออกมาหาผมที่ระเบียงเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งผมลืมไปซะสนิทเลยว่า จะต้องปลุกเธอขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน ผมมัวแต่คิดถึงอดีตอันแสนหวาน และมีความสุขอยู่

     "พ่อลืมลูก พ่อขอโทษ เดี๋ยววันนี้พ่อไถ่โทษด้วยการให้ลงเล่นน้ำทะเลเพิ่มอีก 30 นาทีนะ ไม่โกรธพ่อนะคะ" ผมเสนอข้อต่อรองให้ลูกสาววัยกำลังโตของผม

     "ก็ได้ค่ะ" เธอเข้ามากอดแขนผม เราสองคน ไม่สิ เราสามคนต่างหาก พ่อแม่ลูกสามคน ยืนดูพระอาทิตย์ขึ้นกันอยู่อย่างมีความสุข

     "พ่อร้องไห้ทำไมคะ" ลูกสาวเห็นผมน้ำตาไหลออกมา ทั้งๆที่ยังยิ้มอยู่

     "เปล่าจ๊ะ ลมมันเข้าตาน่ะลูก พ่อลืมตานานไปหน่อย แสบตา น้ำตาเลยไหลน่ะ ปะ ไปล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำได้แล้วค่ะ เดี๋ยวเราจะได้ออกไปหาอะไรกินกัน" ผมบอกลูกสาวให้ไปจัดการภารกิจส่วนตัวซะให้เรียบร้อย

     "ผมคิดถึงคุณ ที่รัก" ผมร้องไห้ออกมาแบบไม่อายใคร เพราะความคิดถึงที่มันยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ผมมายืนอยู่ ณ จุดๆนี้ จุดๆเดิมที่เป็นจุดเริ่มต้นระหว่าง ผมกับภรรยาสุดที่รัก ที่นี่มีความทรงจำอันแสนสุข ผมกับเธอเริ่มรู้จักกันที่นี่ เราคบกัน 3 ปีก็แต่งงาน หลังจากนั้นไม่นานเราก็มีลูกด้วยกัน ซึ่งก็คือลูกสาวคนนี้ ก่อนที่อุบัติเหตุทางรถยนต์ จะพรากเธอไปจากผมและลูกสาว เพียงเพราะผมขัดใจเธอ ไม่พาเธอมาเที่ยวทะเล เธอเลยขับรถออกจากบ้านด้วยความโมโห ก่อนที่จะประสบอุบัติเหตุในที่สุด จากวันนั้นวันที่ผมเจอกับเธอที่นี่ จนมาถึงวันนี้ ก็ 17 ปีเข้าไปแล้วสินะ ผมยังจำได้ดีถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ณ ที่แห่งนี้

     "ผมรักคุณ ผมคิดถึงคุณนะ" ผมพูดทั้งน้ำตาที่ไหลออกมาแบบหยุดไม่ได้ ผมกำมือแน่นโมโหตัวเองที่เป็นต้นเหตุทำให้สูญเสียเธอไป ผมแหงนมองฟ้า ภาพของภรรยาสุดที่รักปรากฏขึ้น เธอยิ้มให้ผมเหมือนจะบอกว่า ไม่เป็นไร เธอไม่โทษผม ผมได้แต่ยิ้มตอบเธอไป

     "พ่อคะ น้ำไม่ไหลค่ะ" ลูกสาวตะโกนออกมาจากห้องน้ำ


     "โถ่...ลูก พ่อกำลังซึ้งเลย" ผมยิ้มให้เธออีกครั้ง ก่อนจะวิ่งเข้าไปดูแลลูกสาวของเราสองคนทันที

ความคิดเห็น