ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 125 (บทความ) _ และนั่นเป็นฉัน ที่คิดถึงเธอ

และนั่นเป็นฉัน ที่คิดถึงเธอ
17 ก.พ. 2559

     **และนั่นเป็นฉัน ที่คิดถึงเธอ ก็มีแต่ฉัน ที่นอนละเมอ พี่ดุ่ย พี่เด๋อ ไม่คิดถึงเธอ ป้าหน่อย ป้าแนน ก็ไม่คิดถึงเธอ ... เริ่มต้นมาก็เป็นเนื้อเพลงกันเลยทีเดียว สำหรับเนื้อเพลงข้างต้นคือ เพลง ละเมอ โอ้ I Miss U ของ The Jukks นะครับ (ลองหาฟังดูนะครับ) ครั้งแรกที่ผมได้ยินเพลงนี้คือ ในภาพยนตร์เรื่อง ส.ค.ส. สวีทตี้ ที่มี แดน วรเวช, ยิปซี คีรติ, เป้ อารักษ์, แพตตี้ อังศุมาลิน ฯลฯ เป็นนักแสดงนำครับ ยังมีนักแสดงชื่อดังอีกหลายคนร่วมแสดงนะครับ แต่ไม่ขอเขียนถึงล่ะ เพราะเดี๋ยวมันจะยาวครับ

     เอาเป็นว่าชื่อบทความนี้ ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาในบทความก็แล้วกันนะครับ เอ๊ะ เดี๋ยวๆ เกี่ยวนิดหนึ่งก็ได้ครับ ตรงประโยคที่ว่า นั่นเป็นฉัน อะ...จะเกี่ยวยังไง ไปติดตามอ่านต่อกันได้เลยครับ

     หลายๆครั้งที่ได้อ่านบทความ หรือเรื่องสั้นของคนอื่น (แน่ะๆ รู้แล้วใช่มั้ยล่ะ ว่าผมจะเขียนไปในทิศทางไหน) ผมว่าเขาเหล่านั้นเขียนได้สนุก น่าอ่าน น่าติดตามมากเลย พอรู้สึกแบบนั้น ก็เลยอยากเก่งแบบเขาบ้าง แน่นอนว่าอารมณ์อิจฉา อยากเก่งเข้าครอบงำทันที ยิ่งถ้าไปเจอบทความที่มีคนแสดงความคิดเห็นว่า สนุก เขียนได้ดี โห..ยิ่งอยางเก่งแบบเขาเลย (เก่งแบบคนเขียนน่ะ เขียนเก่งจริงๆ อ่านเพลิน อ่านสนุกมาก)

     แต่ก็นั่นแหละ เราเก่งแบบเขาไม่ได้หรอก ต่อให้ฝึกยังไง ก็เชื่อว่าเก่งแบบเขาไม่ได้หรอก เพราะด้วยมุมมอง และการใช้ชีวิตที่ค่อนข้างจะต่างกัน เราก้าวไปจุดนั้นไม่ได้หรอก (แอบเศร้าใจ ร้องไห้แปป)

     เอาเหอะ ถึงจะเก่งแบบเขาไม่ได้ แต่เราก็กระจอกตามแบบของเราได้ล่ะน่า (ปลอบใจตัวเอง ) คล้ายๆไม่หล่อ แต่จนเว้ยใช่มั้ยเนี่ย ฮ่าๆๆ

     เคยมาลองคิดๆดูนะครับ ว่าทำยังไงเราถึงจะเขียนบทความได้น่าอ่านแบบคนดังๆ พอลองคิดๆไป ก็ได้คำตอบอยู่ 2 ข้อครับ ที่ทำให้เราเขียนบทความแบบเขาไม่ได้ นั่นก็คือ...

     หนึ่ง จิตวิญญาณนักเขียน ผมว่าคนที่เขียนบทความได้น่าติดตาม หรือเขียนเรื่องสั้นได้น่าอ่าน พวกเขามีจิตวิญญาณนักเขียนอยู่ในตัวนะครับ จิตวิญญาณนักเขียนที่ว่าก็จะประกอบไปด้วย การรักการเขียน การรักการอ่าน และการรักการค้นหาข้อมูลข้อเท็จจริง แน่นอนว่าก่อนที่จะเขียนอะไรสักอย่างออกมาให้คนอ่านได้อ่านนั้น ต้องเริ่มจากการอ่านก่อน ซึ่งในส่วนของการอ่านนี้ ผมไม่ค่อยมีเท่าไหร่ หรือถ้าจะมี ก็จะหนักไปทางอ่านการ์ตูนซะมากกว่า ไม่ค่อยได้อ่านอะไรที่เป็นตัวหนังสือยาวๆ หรืออ่านพวกวิชาการสักเท่าไหร่

     การหาข้อมูลข้อเท็จจริงก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักของการเขียน ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว ผมจะไม่(ค่อย)หาข้อมูลอะไรสักเท่าไหร่ คือ แบบรับรู้อะไรมา ก็เขียนบทความเลย บางครั้งการไม่รู้จริง มันก็เขียนได้ไม่ลึกซึ้ง เขียนได้ไม่น่าติดตามนะครับ

     และแน่นอนว่า องค์ประกอบของจิตวิญญาณนักเขียน ผมก็มั่ว มโน ขึ้นมาล้วนๆเลย (นั่นไง กูว่าละ) แต่อย่างน้อยๆ มันก็น่าจะแถวๆนี้ล่ะน่า

     ต่อข้อสองละกัน มุมมองการใช้ชีวิต ผมว่าผมคิดบวกมากละนะ แต่พอไปเจอบทความดีๆ โอ้โห คนเขียนคิดบวกมากกว่าผมเยอะเลย (ทำไมวะ เค้าเอาสองล้านบวกสิบล้านเหรอ...ไปเล่นไกลๆไป) เหมือนว่าเขาจะเปิดใจกว้าง เขียนได้รู้สึกเป็นกลางน่าอ่าน น่าติดตามมากๆเลย ผมว่ามุมมองของเขาทำให้เขาเขียนบทความได้สนุกจริงๆ

     บางครั้งมุมมองการใช้ชีวิตก็อาจจะถูกบังคับด้วยสังคมที่เราเข้าไปอยู่ด้วยก็ได้ บางคนอยู่ในสังคมที่ดี มุมมองต่างๆก็ดีไปด้วยแหละ (ผมเชื่อแบบนั้นนะ) ลองคิดดูว่า ถ้าเราอยู่ในสังคมที่ชอบโกหกหลอกลวง มุมมองต่างๆของเราก็คงจะเจ้าเล่ห์ไปด้วยแน่ๆ

     ยังมีอีกหลายๆปัจจัยนะครับที่ทำให้ผมไม่สามารถก้าวไปถึงจุดนั้นได้ แต่จะคิดไปก็เหนื่อยเปล่า เพราะในเมื่อเราเป็นได้เท่านี้ ก็จงเป็นไปในแบบของเราต่อไปให้ดีที่สุด และในคำว่าดีที่สุดของเรานั้น ก็ไม่ควรจะทำอะไรไม่ดีให้ตัวเอง และคนอื่นเดือดร้อนด้วยนะ

     แล้ว...ในคำว่า เป็นตัวของเรา...เราเป็นยังไงล่ะเนี่ย (เอามือกุมขมับ ปวดหัวเลย)

     จบบทความดีกว่า บทความนี้ออกจะมึนๆ ออกแนวบ่นๆซะมากกว่าล่ะครับ ไม่มีสาระจริงๆเลย

ความคิดเห็น