ขึ้นเครื่องบิน
หลายคนเคยขึ้นเครื่องบินแล้ว แต่อีกหลายคนก็ยังไม่เคยขึ้น โดยคนที่ยังไม่เคยขึ้นก็ต่างที่มีเหตุผลต่างๆกันไป เช่น สถานที่ๆจะไปไม่มีสนามบิน ค่าเดินทางแพง หรือแม้กระทั่งกลัวการขึ้นเครื่องบิน ฯลฯ
ทั้ง 3 เหตุผลที่กล่าวมา ผมประสบมาหมดแล้วล่ะครับ แต่จะเน้นหนักหน่อยก็ข้อที่ 2 ค่าเดินทางแพง ต้องยอมรับว่าค่าเดินทางโดยเครื่องบินนั้น แพงกว่าการเดินทางด้วยวิธีอื่นจริงๆ แต่ถ้ายอมจ่ายแพงหน่อย ก็จะเป็นการซื้อเวลาได้เยอะเลยทีเดียว เช่น เดินทางโดยรถทัวร์ กรุงเทพ - เชียงใหม่ ใช้เวลา 9 ชั่วโมง แต่ถ้าเดินทางโดยเครื่องบิน ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้มีเวลาเหลือมากมายเลย เมื่อไปถึงเชียงใหม่แล้ว แต่พอมีเวลา ก็อาจจะไม่มีตังค์ เพราะจ่ายค่าเครื่องบินไปหมดแล้ว มันก็ได้อย่าง เสียอย่างล่ะครับ
อีกสาเหตุที่ทำให้หลายๆคนยังไม่เคยขึ้นเครื่องบินที่ว่า กลัวการขึ้นเครื่องบินนั้น อันนี้ผมก็เข้าใจดีครับ เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุทางการบินขึ้นมา โอกาสรอดมีเพียง 0.1 % เท่านั้นจริงๆ แต่ถ้าจะลองมองย้อนไปถึงอุบัติเหตุทางการบินจริงๆนั้น ในปีๆหนึ่ง เกิดขึ้นไม่น่าจะเกิน 5 ครั้งหรอกครับ แล้วส่วนมากก็ไม่ได้เป็นเครื่องบินตกด้วย แต่จะเป็นตอนลงจอดซะมากกว่า หากเทียบกับอุบัติเหตุทางพื้นดินแล้ว อุบัติเหตุทางอากาศเกิดขึ้นน้อยมากๆ จะต่างกันที่ความรุนแรงของอุบัติเหตุ และความเสียหายเท่านั้นเอง
เขียนถึงการเดินทางโดยเครื่องบินแล้ว ก็ต้องเขียนถึงการเริ่มเดินทาง หรือขั้นตอนต่างๆก่อนขึ้นเครื่องบินนั้นเอง จากประสบการณ์ตรงของผม ผมไม่เคยไปซื้อตั๋วเครื่องบินที่หน้าเคาน์เตอร์หรอกนะครับ เพราะผมซื้อตั๋วผ่านหน้าเว็บไซต์ตลอดเลย สายการบินที่ผมใช้บริการมีแค่ 2 สายการบินก็คือ แอร์ เอเชีย และนกแอร์
สำหรับ แอร์ เอเชีย แล้ว หลังจากจองตั๋ว ก็จะสามารถทำการเช็คอินผ่านหน้าเว็บไซต์ได้ล่วงหน้า 14 วัน ส่วนทาง นกแอร์ นั้น จะสามารถเช็คอินผ่านหน้าเว็บไซต์ได้เพียง 1 วันเท่านั้น (ข้อมูล ณ 07 / 08 / 2557)
หลังจากเช็คอินแล้ว ก็ถือว่าเรายืนยันแล้วว่า เราจะเดินทางแน่นอน และเป็นการจองที่นั่งโดยสมบูรณ์แล้ว และด้วยความที่ว่า การขึ้นเครื่องบินไม่เหมือนการขึ้นรถทัวร์ ที่อยู่ๆจะไปถึงหมอชิต หิ้วกระเป๋า ไปรอที่ชานชาลาได้เลย เพราะกว่าจะไปขึ้นเครื่องได้นั้น ต้องผ่านด่านอีกนิดหน่อย
ด่านแรกเลยก็คือ การสแกนกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ผมเดินทางครั้งแรกแบบบ้านนอกเข้ากรุงครับ ไปถึงดอนเมือง เข้าไปในอาคารผู้โดยสารขาออก ไปยืนงงๆอยู่ ว่าจะต้องไปทางไหน ก็โชคดีที่ว่า เคาน์เตอร์ของสายการบินเห็นค่อนข้างชัดเจน ก็เลยเดินไปถูกทาง พอเดินไปใกล้จะถึงเคาน์เตอร์ก็จะมีเครื่องสแกนกระเป๋าเดินทางอยู่ ผมก็โชว์บ้านนอกเลยครับ ถามคนที่อยู่ตรงเครื่องสแกน "ต้องสแกนกระเป๋ารึเปล่าครับ" โชคดีอีกที่ว่า คนที่ผมถามนั้นใจดีบอกว่า "ถ้าจะโหลดกระเป๋าลงใต้เครื่องก็สแกนครับ แต่ถ้าจะหิ้วขึ้นเครื่องด้วย ยังไม่ต้องสแกนครับ เดี๋ยวไปสแกนด้านในแทนครับ"
ด่านที่สองก็คือ เคาน์เตอร์เช็คอิน หลังจากผ่านด่านสแกนกระเป๋าแล้ว ก็ต้องมาเช็คอินกันอีกรอบ เพื่อรับตั๋วตัวจริง โดยตั๋วใบนี้จะแจ้งว่า เราจะต้องไปขึ้นเครื่องที่ประตูไหนนั่นเองครับ และตั้งแต่ด้านนี้เป็นต้นไป จะต้องใช้ไอเทมเพิ่มคือ บัตรประจำตัวประชาชนนั่นเอง
ด่านที่สาม คือ สาวสวยตรวจบัตร ผมไม่รู้ว่าพวกเธอเป็นใคร ทำหน้าที่อะไรกันแน่ แต่ผมรู้แค่ว่า พวกเธอแต่งตัวคล้ายตำรวจ และจะต้องขอดูบัตรประจำตัวประชาชนของทุกคนเลย ก่อนที่จะปล่อยให้เข้าไปในด่านที่สี่ (จริงๆน่าจะมีผู้ชายด้วยนะครับ แต่ไม่รู้ว่าทำไมส่วนใหญ่เจอแต่ผู้หญิง)
ด่านที่สี่ คือ การสแกนครั้งใหญ่ มันครั้งใหญ่ยังไงน่ะเหรอ มันก็คือ การสแกนทุกๆอย่างที่ติดตัวเรามานั้นแหละครับ กระเป๋า โทรศัพท์มือถือ และสิ่งของต่างๆ เราต้องเอาผ่านเครื่องสแกนทั้งหมด โดยเราจะเดินผ่านประตูตัวเปล่าไม่มีสัมภาระติดตัวเลย แล้วก็จะมีคนมาสแกนตัวเราด้วยอีกต่างหาก ที่ด่านนี้มีกฎอยู่ 2 ข้อใหญ่คือ ห้ามนำอาวุธขึ้นเครื่อง และห้ามของเหลวเกิน 100 cc. ขึ้นเครื่อง ซึ้งในครั้งแรกนี้ผมก็โชว์บ้านนอกอีกตามเคย มีดคัตเตอร์ กับโลชั่นขวดใหญ่ ต้องเอาทิ้งไว้ที่ด่านนี้นั้นเอง
มาถึงด่านสุดท้ายกันสักที ด่านที่ห้า ด่านนี้ไม่มีอะไรมาก ก็แค่ยื่นบัตรประจำตัวประชาชน กับตั๋วเดินทางให้สาวสวยที่รอเราตรงทางเดินไปขึ้นเครื่องนั่นเองครับ พอพวกเธอตรวจเสร็จ เราก็เดินไปตามทางเดินเรื่อยๆ จนไปถึงทางเดินที่เรียกว่า ทางเดินงวงช้าง เพื่อขึ้นเครื่องนั่นเองครับ
ถึงตรงนี้บางคนยังไม่จบนะครับ เพราะบางคนยังต้องเจอด่านพิเศษปิดท้ายอีก จะเรียกว่าด่านโบนัสก็ไม่ใช่ ต้องเรียกว่าด่านบอสกันล่ะครับ เอ...แล้วด่านบอสนี่มันคืออะไรล่ะ คำตอบคือ ด่านผู้โดยสารมนุษย์ป้านั่นเอง (ณ เพลานี้ อะไรๆก็มนุษย์ป้า งั้นผมขอใช้บ้างล่ะกัน) โดยผู้โดยสารประเภทนี้จะชอบแย่งที่นั่งของเราครับ โดยเฉพาะที่นั่งแถวที่ติดหน้าต่างนี่ จะเจอบอสบ่อยกว่าที่นั่งแถวอื่นๆ ทางแก้โดยไม่ต้องพูดให้เปลืองน้ำลาย ให้เราใช้สายตา และการมองครับ ตามสเตปดังนี้
มองบอส(มนุษย์ป้า) มองแอร์คนสวย(ให้แอร์มองที่เราด้วยนะครับ) มองตั๋วในมือของเรา มองแอร์คนสวยอีกครั้ง แล้วก็จบที่มองบอส เพียงเท่านี้ แอร์คนสวยก็ใช้วิชา เสียงสวรรค์ จัดการบอสให้ทันทีครับ (ขอบคุณเทคนิคดีๆนี้จาก น้องสาวคนสวยของผม)
เอาล่ะครับ อ่านมาถึงตรงนี้ก็น่าจะพอเข้าใจแล้วนะครับ ว่าการขึ้นเครื่องบินเดินทางนั้น สนุกขนาดไหน ใครที่ยังไม่เคยเดินทางโดยเครื่องบินเลย ก็น่าจะลองดูนะครับ แล้วจะติดใจในความรวดเร็วแน่นอนครับ
ทิ้งท้ายกับการจองตั๋วเครื่องบินนะครับ การจองแบบปกติๆ ราคาจะแพงมากครับ ควรจองช่วงที่มีโปรโมชั่นครับ จะได้ตั๋วที่ราคาถูกลงมากๆ หรืออาจจะจองข้ามปีก็ดีครับ เพราะจะได้ราคาถูกเหมือนกัน น้องผมจองเดินทาง กรุงเทพ - เชียงใหม่ (แบบไป - กลับ) เสียค่าตั๋วไม่ถึง 500 บาทครับ เพราะจองช่วงโปรโมชั่น และจองข้ามปี 300 กว่าวัน เลยได้ราคาถูกสุดๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น