ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 98 (บทความ) _ เมื่อมีหน้าบ้าน...ก็ต้องมีหลังบ้าน (ภาค 3)


เมื่อมีหน้าบ้าน...ก็ต้องมีหลังบ้าน (ภาค 3)

     เข้าสู่เรื่องที่เป็นประเด็นโลกแตกกันแล้วนะครับ เรื่องความรักนั่นเอง ทำไมผมถึงบอกว่ามันเป็นประเด็นโลกแตกน่ะเหรอ นั่นก็เพราะว่า 'ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์' ยังไงล่ะครับ รักเหมือนจะเป็นแบบเดียวกัน แต่มันก็ไม่เคยเหมือนกัน นี่แหละประเด็นโลกแตก

     เอาล่ะครับ มาดูหลังบ้านเรื่องความรักของผมกันดีกว่าครับ ว่ามันเป็นมายังไงบ้าง หลังจากที่เคยมีความชอบผู้หญิงมาแล้วเมื่อสมัยเรียนชั้นประถม แต่หลังจากนั้นมาก็ไม่เคยได้มีความรักสักที (มัวแต่ติดเกม กับอ่านหนังสือ) จนกระทั่งได้เรียนถึงระดับ ปวช.3 (เทียบเท่า ม.6) ถึงจะมีอาการรู้จักคำว่า รัก เป็นครั้งแรก โดยรักแรกก็คนใกล้ๆตัวครับ รุ่นน้อง ปวช.1 นั่นเอง

     รักแรกในชีวิต เป็นความรักแบบวัยรุ่นที่เกิดขึ้นเร็ว และจบลงเร็วมาก ถ้าจำไม่ผิดใช้ระยะเวลากับรักครั้งแรกนี้เพียงไม่ถึง 2 เดือน แต่เชื่อหรือไม่ครับว่า รักครั้งแรกมันลืมไม่ได้จริงๆ แต่ถึงแม้มันจะไม่ลืม แต่มันก็ไม่ได้โหยหาอยากกลับไปนะครับ มันแค่ติดอยู่ในสมอง ลบไม่ออก ลืมไม่ได้เท่านั้นเอง (สาเหตุของการเลิกรา ขออุบเป็นความลับ)

     ความรักในครั้งที่สอง ได้เกิดขึ้นเมื่อช่วง ปวส. (จำไม่ได้ว่า ปวส. 1 หรือ 2 แต่ทิ้งระยะเวลาเรื่องความรักไปถึง 2 ปีเลยทีเดียว) สมัยนั้นร้านอินเตอร์เน็ตกำลังมา โปรแกรมแชทที่บูมสุดๆตอนนั้นก็คือ Pirch98 และด้วยโปรแกรมแชทนี้เอง ทำให้ผมได้พบกับรักครั้งที่สอง

     เลิกเรียนก็วิ่งไปร้านอินเตอร์เน็ตเลยครับ เป็นร้านของอาจารย์ที่สอนกันอยู่ในวิทยาลัยนั่นแหละครับ (คนกันเอง อาจารย์หลอกนักศึกษาไปฟันรายได้ ฮ่าาา) เปิด Pirch เข้าห้อง 'เชียงใหม่น่ารัก' ล่ะมั้ง แล้วก็คุยๆไปทั่วเลย (Pirch มันจะคุยได้อย่างเดียว ไม่เห็นรูป ไม่เห็นหน้ากันเลย ถ้าจะจีบใครนี่ ต้องวัดดวงกันสุดๆ) แล้วผมก็ได้คุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเรียน ม.4 อายุห่างกับผมนิดหน่อย  (ปวส. เทียบเท่าก็ อนุปริญญา หรือเด็ก ปี1 ในรั้วมหาลัย) หลังจากที่คุยกันได้สักระยะก็รู้สึกว่า มันน่าจะไปกันได้นะ ก็เริ่มมีการนัดเจอ กินข้าวบ้าง เที่ยวบ้าง จนสนิทกัน แล้วก็ได้ตกลงเป็นแฟนกัน แฟนคนนี้ก็ถือว่าเป็นคนแรกจะดีกว่า เพราะรักแรกนั้น ยังไม่ทันได้เป็นแฟน ก็ต้องเลิกกันซะละ แฟนคนนี้ผมได้พาเข้าบ้านด้วย ดูเหมือนอะไรๆจะราบรื่น แต่แล้วจุดพลิกผันก็เกิดขึ้นเมื่อ...

     นิสัยความเอาแต่ใจของเธอพุ่งสูงขึ้นจนผมเริ่มรับไม่ไหว คบกันปีแรกๆนิสัยเอาแต่ใจของเธอไม่มากนะครับ ผมพูดอะไรเธอก็ยอมฟัง ยอมทำตาม ไม่ค่อยมีเรื่องอะไรบังคับผม แต่ไม่รู้ว่าอยู่ๆมันเกิดอะไรขึ้น เธอเหมือนเปลี่ยนไปเยอะมาก บังคับผมจนเหมือนเป็นแม่ของผมซะงั้น จนผมเริ่มอึดอัด แล้วก็มีเรื่องที่ทำให้ผมต้องแปลกใจอีกเรื่องคือ เธอไปเที่ยวกับเพื่อนของผม โดยที่ผมไม่รู้อะไรเลย ผมมารู้อีกทีจากปากของเพื่อนผม ว่าเขาได้ไปเที่ยวน้ำตกกับแฟนของผม ตอนที่ผมกำลังฝึกงานอยู่ จนถึงตอนนั้นอะไรหลายๆอย่างมันเปลี่ยนไปจากเธอคนเดิม ผมเลยตัดสินใจ...เลือกสมัครเรียนที่ราชภัฏเชียงราย ในตอนที่สอบเข้าเรียนชั้น ป.ตรี เพื่อให้ผมกับเธอได้ห่างกัน และจากกันด้วยดีจะดีกว่า

     หลังจากที่ผมไปเรียนที่เชียงรายแล้ว ผมก็ได้โทรศัพท์ไปเปิดใจคุยกับเธอ เคลียร์กันทุกเรื่องจนเข้าใจ และลงตัว ผมกับเธอตัดสินใจแยกทางกันในที่สุด

     รักครั้งที่สาม และเป็นครั้งสุดท้าย เป็นความรักที่ต้องผ่านปัญหา และอุปสรรคมากมายจนน่าเหลือเชื่อ มันเหมือนที่ว่า 'ชีวิตจริง ยิ่งกว่านิยาย' ซะอีก อยากรู้ต้องลองอ่านดูครับ ว่ามันเป็นยังไง

     การได้มาเรียนที่เชียงรายนั้น หลังจากที่เลิกกับแฟนคนแรกไป ผมก็ไม่ได้สนใจผู้หญิงคนไหนอีกเลย ผมหันกลับเข้าไปสู่โลกของหนังสืออีกครั้ง เช่าหนังสือมาอ่านเป็นเรื่องๆ เป็นเล่มๆไป สนใจในเรื่องของบ้านและสวน เริ่มศึกษาเกี่ยวกับวิธีการออกแบบสวน จัดสวน ศึกษาพันธุ์ไม้ จนกระทั่งเรื่องบังเอิญได้เกิดขึ้น...

     หอพักที่ผมไปพักอยู่ในตอนที่เรียนอยู่เชียงรายนั้นเป็นหอเปิดใหม่ พึ่งสร้างเสร็จใหม่ๆเลย คนที่เข้าไปพักก็เป็นคนใหม่ทั้งหมด ความสัมพันธ์ของคนในหอพักจึงเหมือนครอบครัวเดียวกัน เวลาทำอะไรกินก็จะเอามาแบ่งกัน เอามานั่งล้อมวงกินข้าวกัน ไม่นับว่าใครมาก่อน มาหลัง ความสัมพันธ์มันเลยสนุก เฮฮา และอบอุ่นเป็นกันเองสุดๆ และด้วยความที่ผมเป็นคนชอบช่วยเหลือผู้อื่น เห็นใจผู้อื่น (มีน้ำใจว่างั้นเถอะ) หน้าที่ในการขับมอเตอร์ไซค์ไปซื้อของที่ตลาดเพื่อเอามากินกัน จึงตกเป็นของผมซะส่วนใหญ่ จุดนี้เองที่ทำให้ผมกับเธอ...แฟนคนปัจจุบัน

     ด้วยความที่ผมเป็นผู้ชาย เวลาไปซื้อของที่ตลาดก็จะซื้อของได้ไม่เก่งเท่าผู้หญิง บางทีของที่ต่อราคาได้ ผมก็ไม่ต่อ จึงได้มีผู้ช่วยสาวเกิดขึ้น เธอเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น และชอบเดินตลาดด้วย เธอจึงถูกเพื่อนๆในหอส่งตัวให้มาเป็นผู้ช่วยของผมตอนที่ต้องไปซื้อของที่ตลาด

     แรกเริ่มเดิมทีแล้ว ผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ ออกจะเฉยๆ แต่ด้วยความที่เราไปตลาดด้วยกันบ่อยๆ ได้คุยกันบ่อยๆ หลังๆก็เริ่มไปที่อื่นบ้างนอกจากตลาด (เฮ้ยๆๆ คิดอะไรกัน ไปร้านสะดวกซื้อ ร้านถ่ายเอกสาร ร้านอาหารตามสั่ง ฯลฯ ต่างหาก) เริ่มมีการไปรับ-ส่งตอนมีเรียน ดึกๆเธอหิวข้าว ผมก็อาสาไปส่งกินข้าว ความสัมพันธ์ค่อยๆก่อตัวขึ้น จนมันสนิมกันมาก แล้วก็กลั่นตัวเป็นความรักไปตอนไหนก็ไม่รู้ ผมไม่เคยจีบเธอ เธอก็ไม่เคยจีบผม เราสองคนไม่ได้ทำอะไรที่คนจีบกันต้องทำเลย อาศัยแค่ความผูกพันล้วนสร้างเป็นความรัก (ขนาดเป็นแฟนกัน ยังไม่มีใครพูด ขอเป็นแฟนเลย มันรู้กันเองโดยอัตโนมัติ) ผมไม่มีโปรโมชั่นพาไปไหนต่อไหน (ถ้าไม่ร้องขอ) ไม่มีโปรโมชั่นซื้อของพิเศษอะไรให้ (ถ้าไม่อยากได้) แต่มันก็รักกันเอง รักกันมาจนถึงทุกวันนี้ โดยที่เหมือนว่า ถ้ามันมีโปรโมชั่น ก็คงเป็นโปรโมชั่นที่กว่าจะหมดอายุ คงต้องตายกันไปข้าง

     แต่...อ่านดูแล้วเหมือนจะราบรื่นใช่หรือไม่ ยังครับยัง ถึงแม้จะไม่หมดโปรโมชั่น แต่มันก็เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นระหว่างผมกับเธอแบบที่ว่า ไม่น่าเชื่อ

     ผมเรียนจบก่อนเธอ 2 ปีครับ แล้วผมก็ต้องหางานทำ ผมได้งานทำที่เชียงใหม่ ส่วนเธอยังคงเรียนอยู่ที่เชียงราย (คิดล่ะสิว่า ผมจะกลับไปหาแฟนเก่า คุณคิดผิดนะคร้าบบบ) พอผมทำงานได้สักระยะหนึ่ง (นานพอดูเหมือนกันนะ) ผมก็ได้เจอกับรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งครับ บอกได้เลยว่า หลงครับ ไม่ได้รักนะ แต่หลงมากๆ ผมแอบคบกับพี่คนนั้นอยู่ประมาณ 3 เดือนได้ จนคนในบริษัทต่างรู้กันว่า ผมคบกับพี่เขาอยู่ แล้วจังหวะเวลาฝึกงานของแฟนผมก็มาถึงพอดี เธอมาฝึกงานที่เชียงใหม่ครับ แล้วผมก็เหมือนมีท่าทีที่แปลกๆไปเวลาที่ผมไปหาแฟนที่หอพัก เธอถาม เธออยากรู้ จนผมต้องบอกความจริง สุดท้ายแล้วเราก็เลิกกันครับ แต่ด้วยความเป็นห่วงว่าเธอจะอยู่ยังไงในเชียงใหม่ ผมจึงยังไปมาหาสู่ ช่วยเหลือเธออยู่เรื่อยๆพร้อมทั้งคบกับพี่คนนั้นไปด้วย จนในที่สุดผมก็แพ้ความดีของเธอ (ตรงนี้อยากให้ผู้หญิงทุกคนได้อ่าน อยากจะบอกว่า ถ้าอยากได้ความรัก ควรทำดี ไม่ใช่ทำตัวเป็นนางมารเพื่อแย่งชิงผู้ชายกลับคืนมา เพราะมันไม่มีทางหรอก ที่ผู้ชายจะชอบนางมาร) แพ้ใจตัวเอง กลับไปหาเธอครับ ส่วนพี่ที่ทำงานก็มองหน้ากันแทบไม่ติดเลยครับ

     แฟนผมชวนผมมาทำงานที่กรุงเทพครับ ผมก็ตัดสินใจออกจากที่ทำงานเก่า มุ่งหน้าหาเงิน สร้างครอบครัวที่กรุงเทพ เราสองคนช่วยกันเก็บเงินประมาณ 2 ปีกว่า ก็กลับไปแต่งงานกันที่เชียงราย บ้านของแฟนผมครับ (ประเด็นตรงนี้คือ อยู่ก่อนแต่ง ผมคิดว่าสมัยนี้พ่อแม่ ไม่มีเงินมากพอที่จะเป็นทุนสินสอด และทุนจัดงานแต่งครับ การอยู่ก่อนแต่จึงเกิดขึ้นตามยุคสมัย เพือให้คู่รักได้ช่วยกันเก็บเงิน และศึกษากันให้ถึงที่สุด ก่อนที่จะแต่งงานกันในตอนสุดท้ายครับ)

     นี่แหละครับ เรื่องราวหลังบ้านภาคความรักของผม ชีวิตผมที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้มีแฟนจริงๆจังๆ แค่ 2 คนเท่านั้นเองครับ กับความรักอีก 3 ครั้ง บางคนอาจจะมองว่าน้อยมาก แต่มันก็น้อยในแบบที่มีเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อใช่มั้ยล่ะครับ หรือจะเรียกว่า น้อยแต่คุณภาพคับแก้วดีล่ะ

     เคยมีคนบอกไว้ว่า "ได้กับผู้หญิง 100 คนว่ายากแล้ว แต่บางทีการรักษาผู้หญิงที่ดีไว้กับตัวสักคนก็อาจจะยากกว่า" คุณผู้อ่านก็ลองเลือกดูนะครับว่า อยากจะเป็นแบบได้ผู้หญิงเยอะๆ หรืออยากได้แบบผู้หญิงดีๆคนเดียว แต่อยู่กันไปนานๆ แล้วพบกันใหม่ในตอนที่ 100 ตอนสุดท้ายของนามปากกา "กล่องหกด้าน" ในภาคไลฟ์สไตล์

ความคิดเห็น