ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 87 (บทความ) _ ชื่อเสียง



ชื่อเสียง

     วันนี้ผมได้อ่านข่าวของคนที่มีชื่อเสียงหลายคนครับ ไม่ว่าจะเป็นข่าว เว็บไซต์พันทิปชวนฟังเสวนา 'เขียนอย่างไร ให้ดังในพันทิป' ซึ่งในเนื้อหาก็คือ ล็อกอินที่มีชื่อเสียงหลายคน จะมาเป็นคนบอกกล่าวถึงเทคนิด และวิธีการเขียนครับ

     ข่าวนักเขียนชาวออสเตรเลีย วัย 53 ปี นายริชาร์ด ฟลานาแกน คว้ารางวัล แมน บุ๊กเกอร์ ไพรซ์ ของอังกฤษ จากงานเขียนนิยายเรื่อง "เดอะ แนร์ โรว์ โรด ทู เดอะ ดีฟ นอร์ธ" (เขียนคำอ่านมาซะครบเลย แต่ไม่มีชื่อภาษาอังกฤษให้ดู อะไรเนี่ยยยยย)

     ข่าวของ คริสเตียโน โรนัลโด ทำสถิติเป็นบุคคลที่ได้ 100 ล้านไลค์ แลเป็นผู้ชายในฐานะนักกีฬา และนักฟุตบอล ที่ได้รับความชื่นชอบสูงสุดบนเฟสบุ๊ค

     นี่นับเฉพาะข่าวของวันนี้นะครับ ยังไม่นับข่าวก่อนหน้านี้อีกหลายข่าว และหลายคนที่มีชื่อเสียงทั้งในระดับประเทศ และระดับโลก

     ผมล่ะอยากรู้จริงๆเลย ว่าการจะมีชื่อเสียงขึ้นมาได้เนี่ย มันทำได้ด้วยตัวเองล้วนๆ หรือมันอยู่ที่โชคชะตา ที่ดวงกันแน่

     ที่ผมตั้งข้อสงสัยแบบนั้นก็เพราะว่า บางคนนะ ไม่ว่าจะพยายามขนาดไหน ทำยังไงๆ ก็ไม่มีคนเหลียวแล หรือสนใจเลย แต่กับบางคน อ้าวเฮ้ย ทำงานซุกอยู่หลังครัวโน้น วันดีคืนดีมีคนพาไปดัง กลายเป็นคนมีชื่อเสียงขึ้นมาซะงั้น...ก็มันเป็นซะแบบนี้แหละ จะไม่ให้ผมอดสงสัยได้ยังไงล่ะครับ

     หรือที่เห็นได้ชัดเจนหน่อยก็คือ คนในวงการบันเทิงนี่แหละครับ บางคนนะ ทำตัวดีแสนดี กะว่าจะเป็นดารานิสัยดี จะได้มีคนชื่นชอบ ชื่นชม มีงานเยอะๆ เหอะ...สุดท้ายคิดผิด เพราะสุดท้ายก็ไม่มีงาน ไม่มีใครสนใจ หายเข้ารูดาวอังคารไปเลย แต่กับบางคนเปิดตัวแรงส์ กะว่าไม่ดังก็ดับ...ช่างมัน อ้าวเฮ้ย ดันมีแต่คนสนใจ แจ้งเกิด มีชื่อเสียง มีงานซะงั้น

     แต่ก็นะ บางคนทำดีแสนดี แล้วได้ดีก็มี บางคนทำตัวแรงส์ แล้วดับก็มี ทุกอย่างมันมี 2 มุม 2 ด้านเสมอแหละครับ การมีชื่อเสียงน่ะ จริงๆแล้วผมเชื่อว่า มันอาจจะต้องผูกกับดวงที่มีติดตัวเรามาด้วย เพราะถ้าไม่มีดวง เชื่อเถอะว่า ทำยังไงๆ มันก็ไม่ได้เกิดหรอก

     หรือจะเอาแบบโลกโซเชียลหน่อย ก็หาดูได้ตามยูทูป บางคนนะ สวยมากๆ สอนเทคนิคการแต่งหน้า ว่าแต่งยังไงให้สวย กะว่าจะได้มีชื่อเสียงสักหน่อย แต่อ้าวเฮ้ย ดับสนิท ไม่มีคนสนใจ ตอนนี้เห็นไปนั่งขายกล้วยทอดหน้ามันเยิ้มอยู่ข้างถนนโน้น แต่อีกคนนะ สวยมากๆเหมือนกัน สอนเทคนิคการแต่งหน้าให้สวยเหมือนกันนี่แหละ อ้าวเฮ้ย ดังว่ะ มีแต่คนสนใจ ติดตาม ก็นี่ไงล่ะ ชื่อเสียงมันมาพร้อมกับดวงจริงๆนะ

     หรือจะพวกนักกีฬา เอาล่าสุดเลย เอเชี่ยนเกมส์ 2014 ที่อินชอน ประเทศเกาหลีใต้ นักกีฬาบางคนนะ ได้เหรียญกลับมาเพื่อคนไทย แต่เออ...ไม่มีคนสนใจ ให้กำลังเล้ยยยย น่าสงสารน้องเขามากครับ แทนที่จะได้มีชื่อเสียงให้ครอบครัวสักหน่อย แต่ดันเงียบกริบ นี่แหละครับน้อง ทำตัวดี สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ แต่ไม่มีดวงสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง

     สำหรับตัวผมเองที่เป็นนักเขียนอิสระ ผมเคยเจอนักเขียนอิสระบางคนแบบผมนี่แหละครับ เขียนเยอะกว่าผมอีก เขียนจนเลิกเขียน ก็มันไม่ได้เกิดสักที เกิดในที่นี้หมายถึง มีคนติดตามสัก 10-20 คนก็ยังดี (ผมว่า ผมก็เริ่มจะเหมือนเขาคนนั้นเข้าไปทุกทีๆ) แต่บางคนนะ โชคดีจังเบ้อเริ่ม เขียนบทความโดนใจนิตยสารมีชื่อเข้า เท่านั้นแหละครับ จากนักเขียนอิสระ กลายเป็นนักเขียนมีสังกัดขึ้นมาเลย อิสระไม่ได้ซะแล้ว (จะอิจฉา หรือสมน้ำหน้าดี)

     ในงานเขียนของผม เมื่อก่อนหน้านี้ผมก็เขียนไปเรื่อยๆตามแบบนักเขียนอิสระที่เขียนมั่วๆ ตามแต่ใจอยากจะเขียน เขียนให้คนอื่นได้อ่าน จนมาวันหนึ่ง ผมก็ได้พอเจอไอดอลของผม 2 คนด้วยกัน ซึ่งงานเขียนของเขาทั้งสองคน เท่าที่ผมได้สัมผัส ผมว่าเขาเขียนให้ตัวเองได้อ่านซะมากกว่า แต่น่าแปลก เขาเหมือนจะเขียนให้ตัวเองได้อ่าน แต่ทำไมคนอื่นได้มาอ่าน กลับรู้สึกสนุก และน่าติดตาม ไอดอล 2 คนที่ผมพูดถึงก็คือ โน้ส อุดม แต้พานิช และ น้าเน็ก เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา (ชื่อน้าจะยาวไปไหน)

     สองคนนี้มีอะไรที่เหมือนกัน ผมว่าพวกคุณก็คงจะพอเดาออกนะครับ ... ถูกต้องนะครับ ความกวน... เอ้ย ความอารมณ์ดีต่างหาก

     ผมจะไม่เขียนถึงความสามารถ และความสำเร็จในด้านอื่นๆของทั้งสองคนนะครับ ผมจะขอเขียนถึงความสามารถในด้านการเขียนของพวกเขาเท่านั้น

     พี่โน้ส อุดม งานเขียนเล่มแรกของพี่โน้สที่ผมได้อ่านคือ ไดอารี่ของพี่เขาครับ มันไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่า ไดอารี่ที่เราจดๆๆเก็บไว้เป็นบันทึกประจำวันของเรานั้น มันจะสามารถเอามาตีพิมพ์ออกขายได้ ในไดอารี่ของเราๆ ส่วนมากก็จะมีเรื่องราวต่างๆ ที่เราอยากจะเขียนเก็บไว้อ่านเมื่อยามเราคิดถึงอดีต แล้วอยากย้อนกลับไประลึกถึง แน่นอนว่าไดอารี่ของพี่โน้สก็เป็นแบบนั้น แต่ทำไมตีพิมพ์ขายได้ จนถึงตอนนี้ ผมก็ยังคงสงสัยอยู่

     งานเขียนอีกหลายๆเล่มของพี่โน้ส จะมีอย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกได้คือ พี่โน้สน่ะ เขียนให้ตัวเองอ่านซะเป็นส่วนใหญ่ เหมือนเขียนบ่นนั่นแหละครับ แต่เป็นการบ่นที่แผงความอารมณ์ดี ความคิดสร้างสรรค์ไว้เยอะแยะมาก ผมถึงไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมพี่โน้สถึงเป็นเดี่ยวไมโครโฟน มือ 1 ขอประเทศไทยได้ ก็เพราะว่าพี่โน้ส...มีจินตนาการในการคุยกับตัวเองนั่นเอง

     น้าเน็ก ผลงานการเขียนของน้าเน็ก ผมบอกได้เลยว่า...ผมไม่เคยซื้ออ่านเลย (อ้าว แล้วเอ็งชื่นชอบเขาไปได้ยังไงล่ะ) ผลงานการเขียนของน้าเน็กที่ผมเคยอ่านจะมีแค่ใน ไทยรัฐ ออนไลน์ เท่านั้นครับ จะอยู่ในคอลัมน์ คนดังนั่งเขียน (เออ...ก็ยังดี)

     งานเขียนของน้าเน็กจะมีเสน่ห์คล้ายของพี่โน้ส จะแตกต่างกันอยู่ 2 จุดคือ น้าเน็กจะปากดีกว่า (ปากสุนัขก็ว่ามา) กับน้าเน็ก จะเขียนเหมือนกับคุยกับใครสักคนอยู่ จนเหมือนเขียนเป็นบทสนทนานั่นเอง (หรือจะคุยคนเดียว บ่นๆเหมือนพี่โน้สก็ไม่รู้นะ) แต่ด้วยความที่งานเขียนของน้าเน็กค่อนข้างจะปากดี ทำให้ผมชอบอ่าน เพราะอ่านแล้วมันไม่เบื่อดี แล้วผมจะติดตามผลงานของน้าต่อไปนะครับ (เออ...ขอบใจว่ะ)

     ชื่อเสียงนะครับ ใครๆก็อยากได้ อยากมี เพราะถ้ามีชื่อเสียงขึ้นมาแล้ว อะไรๆก็อาจจะดีขึ้น เช่น มีคนรู้จักมากขึ้น ไปไหนก็อาจจะมีคนคอยให้ความช่วยเหลือ มีงานเข้ามามากขึ้น มีคนรักมากขึ้น เดือดร้อนอะไรก็มีคนคอยช่วยเหลือ จะทำอะไรก็มีคนคอยสนับสนุน ฯลฯ

     แต่แน่นอนว่า การมีชื่อเสียงย่อมแลกมาด้วยความเป็นส่วนตัวที่หายไป ดูอย่างพวกดารา นักแสดงสิครับ จะขยับตัวไปไหน ทำอะไร ต้องคอยวางตัวให้ดี ไม่งั้นก็มีโอกาสร่วงกลางอากาศ ดับอนาถได้ง่ายๆ

     คนปกติอย่างเราๆในยุคปัจจุบันนี้ การมีชื่อเสียงง่ายๆก็คงหนีไม่พ้น ยอดไลค์ในเฟสบุ๊คใช่รึเปล่าล่ะครับ ยิ่งมีคนกดไลค์มาก ก็แสดงว่าเรามีชื่อเสียงมาก คนเดี๋ยวนี้เลยแย่งยอดไลค์กัน จนบางทีก็ทำอะไรผิดๆลงไปเพื่อยอดไลค์ แล้วจากที่มีชื่อเสียง ก็กลายเป็นชื่อเสีย ดับวูบลงในชั่วข้ามคืน

     สำหรับตัวผมเองแน่นอนว่า ผมก็อยากจะมีชื่อเสียงในงานเขียน ผมทำทุกทางเท่าที่ทำได้ เพื่อให้คนได้รู้จักบล็อกของผม ไม่ว่าจะเป็นการแลกลิงค์ การไปโพสตามประกาศฟรี รวมไปถึง การใช้โฆษณาของกูเกิล แต่ผลที่ได้ก็ไม่ค่อยน่าพอใจสักเท่าไหร่นัก อาจจะเพราะงานเขียนของผมไม่น่าสนใจ หรือไม่ก็...ผมลืมพกดวงมาด้วย ในตอนนี้ผมก็เลยเลือกที่จะเขียนแบบอิสระไปเรื่อยๆ ไม่ได้โปรโมทบล็อกของตัวเองที่ไหนแล้ว ผมเชื่อว่า ถ้าดวงผมมี สักวันหนึ่ง ผมก็น่าจะมีคนติดตามสัก 10-20 คนสิน่า (ฝันกลางวันเอาไว้ก่อน)

     แน่นอนว่าการมีชื่อเสียง อาจจะนำความลำบากมาให้ชีวิตบ้าง แต่เชื่อเถอะครับว่า แทบจะทุกคนอยากมีชื่อเสียง อยากเป็นที่ยอมรับในสังคม เพราะอะไรน่ะเหรอครับ ก็เพราะว่า...มันมีความสุขเวลามีคนชื่นชมไงครับ

ความคิดเห็น