ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 90 (บทความ) _ ฮาโลวีน



ฮาโลวีน

     ณ ตอนที่เขียนบทความนี้คือวันที่ 29 ตุลาคม อีก 2 วัน ก็วันที่ 31 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันฮาโลวีนกันแล้ว ไหนๆก็ใกล้วันฮาโลวีนแล้ว ผมก็เลยขอหยิบเอาประสบการณ์ผีๆมาเล่าสู่กันฟังสักหน่อย ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดที่จะเขียนเล่านี้ เป็นเหตุการณ์ที่ผมได้เจอมากับตัวเอง จนมันฝังเข้าไปในสมองมานานมาก และดูท่าว่ามันจะไม่ลืมซะด้วย

     แต่ก่อนที่จะไปถึงเหตุการณ์ของผม จะขอบอกกล่าวถึงประวัติย่อๆของวันฮาโลวีนซะก่อน เผื่อว่าใครจะยังไม่รู้

     วันฮาโลวีน ตรงกับวันที่ 31 ตุลาคม ซึ่งเป็นความเชื่อของชาวตะวันตกว่า มันเป็นวันสิ้นสุดของฤดูร้อน และวันต่อมาคือวันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งในวันที่ 31 ตุลาคมนี่เองที่มีความเชื่อว่า มิติคนตาย และคนเป็นจะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน วิญญาณจากมิติคนตายก็จะมาเข้าสิงร่างคนเป็น เพื่อให้มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้คนเป็นต้องหาวิธีหลบเลี่ยง แล้วหนึ่งในวิธีนั้นก็คือ แต่งผีหลอกผีมันซะเลย วิญญาณที่มาจากมิติคนตายจะได้คิดว่า เราตายแล้ว เป็นผีเหมือนกัน ก็จะไม่เข้าสิงร่าง

     ในวันฮาโลวีนยังมีอะไรอีกมาก แต่ผมก็ไม่ขอเขียนถึงล่ะนะครับ ใครอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมก็...ที่เดิมครับ กูเกิล

     เอาล่ะครับ มาเข้าเรื่องผีๆในชีวิตของผมกันดีกว่า เรื่องผีๆที่มันจดจำอยู่ในสมองส่วนลึกของผมตั้งแต่เกิดมา จนถึงบัดนี้มีอยู่ 3 เรื่องเก่า และ 1 เรื่องใหม่ ซึ่งคาดว่าเรื่องใหม่ที่พึ่งพบเจอมา ก็คงจะตามไปฝั่งอยู่กับอีก 3 เรื่องเก่าแน่ๆ เพราะมันหลอนจริงๆ

     เริ่มเรื่องแรกกันเลย ตอนนั้นผมเรียนประถมอยู่ครับ น่าจะประมาณ ป.3 ทุกคนคงจำได้นะครับว่า เด็กประถมต้องเรียนวิชา ลูกเสือ-เนตรนารีกันทุกคน ประสบการณ์ผีของผมก็เริ่มมาจากการเรียนลูกเสือนี่แหละครับ

     ณ โรงเก็บของของลูกเสือ (เรียกว่า โรง เพราะมันไม่ใช่ห้อง มันเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวเก่าๆ ตั้งอยู่ข้างๆกำแพงโรงเรียน) วันนั้นมีการจัดระเบียบ และทำความสะอาดโรงเก็บของใหม่ครับ ลูกเสือประมาณ 20 คน ช่วยกันรื้อของออกมาทำความสะอาด บางอย่างก็ทิ้ง เพราะเก่ามาก แล้วผมได้แผ่นเหล็กอะไรก็ไม่รู้มา 2 แผ่น ขนาดประมาณ 3x4 ซม. หนาสัก 2 มม. ผมก็เอามาล้างที่อ่างล้างมือ (อ่างล้างมือที่โรงเรียนจะเป็นบ่อคอนกรีตกว้าง 60 ซม. ยาวน่าจะประมาณ 5 ม.ได้ ลึกก็ประมาณ 30 ซม. แล้วก็มีก๊อกน้ำอยู่ตรงกลาง ยาวตลอดแนวของอ่างล้างมือ) ผมเอาแผ่นเหล็กแผ่นแรกล้างน้ำ ขัดๆๆ จากแผ่นเหล็กดำๆ ก็ใสสะอาดทันที พอมันสะอาดเท่านั้นแหละ ผมต้องรีบโยนทิ้งเลย เพราะในแผ่นเหล็กมีหน้าคนจีนขยับปากพูดอยู่ ทีแรกคิดว่าตาฝาด เลยบอกให้เพื่อนช่วยดู เพื่อนวิ่งเลยครับ ทีนี้ก็แตกตื่นต่างคนต่างวิ่ง จนสรุปสุดท้ายก็ไม่รู้ว่าใครเอาแผ่นเหล็กทั้ง 2 แผ่นไปไหน แล้วทำยังไงกับแผ่นเหล็กนั้นต่อ เพราะผมก็วิ่งเหมือนกัน แล้วก็ไม่เคยถามใครถึงแผ่นเหล็กนั้นอีกเลย (ระวังให้ดี สมาร์ทโฟนที่ถืออยู่ อาจจะมีพลังงานอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ก็ได้)

     เรื่องที่สอง เกิดขึ้นที่บ้านของผมเอง เป็นเหตุกการณ์ที่ผมไม่เคยลืม และจะไม่มีวันลืมเด็ดขาด เพราะเหตุการณ์นี้มีความหมายกับผมมาก

     คืนนั้นผมจำไม่ได้ว่า ทำไมผมถึงไม่นอนในห้องนอนของตัวเอง ผมออกมานอนที่หน้าทีวีทำไม ผมนอนที่ห้องรับแขกหน้าทีวี โดยปูเสื่อ แล้วก็ปูที่นอนปิคนิคบางๆลงไป แน่นอนว่าผมนอนแล้วมันก็ยังแข็งอยู่ดี แต่ผมก็ต้องนอน ผมสะดุ้งตื่นตอนดึก ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันกี่โมงกี่ยามแล้ว เพราะมันมืดจนมองนาฬิกาไม่เห็น (นาฬิกาติดผนังเรือนใหญ่ แต่มันก็อยู่ไกลในมุมมืด เลยมองไม่เห็น) แต่ว่าผมไม่ได้สะดุ้งตื่นเองนี่สิ ดันมีคน (ผี) มาสะกิดขาผมให้ตื่นน่ะสิ ผมตื่นมาแบบงัวเงียๆ ครึ่งหลับครึ่งตื่น มองไปที่ปลายเท้า เห็นเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ใส่ชุดสีชาว คล้ายๆชุดพยาบาล เธอยืนนิ่งๆมองมาที่ผม แล้วถามว่า "ทำไมมานอนตรงนี้" แน่นอนว่าผมไม่ได้ตอบ แล้วผมก็มองหานาฬิกา แต่มองไม่เห็น แล้วผมก็มารู้สึกตัวอีกทีเช้าเลย ผมไม่รู้ว่ามันคือความฝัน หรือตื่นขึ้นมาจริงๆ แล้วก็สลบไปอย่างรวดเร็วแบบไม่ทันรู้ตัว แต่สิ่งที่ผมรู้ก็คือ แม่มาหาผม แม่คงเป็นห่วงผม เหตุการณ์นี้ถึงจะเป็นเรื่องผีๆ แต่ผมจะไม่มีวันลืมเด็ดขาดจนวันตาย (เขียนแล้วก็ซึ้ง ปาดน้ำตาสักหน่อย)

     เรื่องที่สาม เกิดขึ้นที่บ้านของผมอีกเช่นกัน โดยสาเหตุของเหตุการณ์ครั้งนั้นผมขอเดาว่า เกิดจากหนังสือการ์ตูนเรื่อง อิตโต้ นักเตะกังฟู ภาค 1 ที่ผมเก็บไว้ในห้องเก็บของแน่นอน

     เพื่อนสนิทของผมเสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุทางรถมอเตอร์ไซค์ เพื่อนคนนี้จะชอบยืมหนังสือการ์ตูนของผมไปอ่าน และหนึ่งในนั้นคือเรื่อง อิตโต้ นักเตะกังฟู ถ้าผมจำไม่ผิด วันนั้นผมไปงานเผาศพเพื่อนตอนบ่าย แล้วเพื่อนผมก็มาหาในคืนนั้นเลย ห้องนอนของผมจะอยู่ติดกับห้องเก็บของ โดยผมจะนอนหันหัวไปทางห้องเก็บของ (ห้องนอนจะมีหน้าต่างที่เปิดแง้มๆได้ตรงห้องเก็บของ เพราะห้องเก็บของมาสร้างทีหลัง หน้าต่างเลยไปอยู่ตรงนั้น) คืนนั้นผมก็นอนแง้มหน้าต่างตามปกติ แล้วก็มาสะดุ้งตื่นเพราะ มีเสียงกุกกักๆอยู่ในห้องเก็บของ มันดังอยู่นานพอสมควร จนผมคิดได้ว่า เพื่อนผมมาตามหาหนังสือการ์ตูนที่เหลือที่ยังไม่ได้อ่าน หรือไม่ก็เอาหนังสือการ์ตูนที่ยืมไปมาคืนแน่ๆ (ห้องเก็บของ ไม่เคยมีสัตว์ชนิดไหนเข้าไปเลย) ผมได้ยินแล้วก็คิดในใจว่า "ขอให้มีความสุขนะเพื่อน" ที่ผมคิดแบบนั้นเพราะ เพื่อนก็คือเพื่อน ไม่ทำร้ายกันหรอก แล้วผมก็นอนหลับต่อ แล้วเสียงนั้นก็หายไป (จริงๆก็แอบขนลุกเพราะ เพื่อนอยู่เหมือนกัน แต่มันคือเพื่อน เลยไม่กลัวมาก)

     เรื่องที่สี่ เกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมานี่เอง ที่ห้องของผม ณ อพาร์ตเม้นท์ในกรุงเทพ

     มันเป็นวันอาทิตย์ครับ แล้วปกติผมก็จะนอนกลางวันประมาณ บ่ายโมง ถึงบ่ายสาม วันนั้นผมก็นอนกลางวันตามปกตินั่นแหละครับ แต่หลังจากที่ตื่นนอน แล้วลุกไปนั่งดูทีวีที่ปลายเตียงแล้วนี่สิครับ (นั่งพื้นนะครับ หลังผิงฝา แต่นั่งอยู่ใกล้ๆกับปลายเตียง เตียงจะอยู่ทางขวามือ) อยู่ๆก็มีเสียงเหมือนเสียงกรนของผู้ชายดังขึ้นบนที่นอนครับ ได้ยินครั้งแรกนี่ ขนลุก หันขวับไปมองบนที่นอนทันทีเลยครับ ไม่เห็นอะไร ที่นอนก็ยังยับอยู่เหมือนเดิม ก็คิดไปว่าเสียงอย่างอื่นดังมาจากห้องอื่นล่ะมั้ง สักแปปก็ดังอีก ก็หันไปมองอีก ก็ไม่เจออะไร แล้วเสียงกรนมันก็ดังเป็นจังหวะหายใจอยู่ประมาณ 5 ครั้งครับ ผมขนลุกไปทั้งตัว ยันขนหัวลุกเลยครับ แล้วก็รวบรวมความกล้า ลุกไปดูที่ทีนอนแบบใกล้ๆเลย ว่ามันเสียงอะไรกันแน่น พอเข้าไปใกล้ๆที่นอนเสียงก็หายไป แล้วก็ไม่เจอต้นกำเนิดเสียงอะไรด้วย เหตุการณ์นี้ทำเอาผมหลอนมาก เพราะเล่นกันกลางวันแสกๆเลย ผมนอนหลับไม่สนิททั้งอาทิตย์เลยครับ ก็แหม..มันก็มีระแวงบ้างล่ะน่า เกิดมันเปลี่ยนใจจากกลางวันแสกๆ มากรนใส่ตอนกลางคืนทำไงล่ะ แต่ตอนนี้ผมก็ดีขึ้นแล้วครับ คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรแล้วล่ะ (ระวังให้ดี ที่นอนคุณอาจจะมีพลังงานอะไรบ้างอย่างซ่อนอยู่ก็ได้)

     นี่แหละครับ เรื่องผีๆ ต้อนรับวันฮาโลวันที่ผมเอาเหตุการณ์จริงๆของผมมาเล่าสู่กันฟัง ก็ไม่รู้ว่าคนอื่นๆจะเคยเจอเหตุการณ์หลอนอะไรมาบ้างนะครับ แต่ผมมีสิ่งหนึ่งที่อยากจะกับคนที่กลัวผีเอาไว้ว่า...แฮ่...แบร่ กลัวมั้ยๆ ... ไม่ใช่ละ เล่นเป็นเด็กๆไปได้ ที่ผมอยากจะบอกก็คือ ถ้าคุณเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ขอให้มีสติเอาไว้ก่อนนะครับ เพราะผมเชื่อว่า...ผี ฆ่าคนไม่ได้ แต่ความขาดสติ ตกใจ ประมาทจนทำให้เกิดอุบัติเหตุนั่นแหละครับ ทำให้คนตายได้

ความคิดเห็น