ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 74 (เรื่องสั้น) _ ฝนเอย ทำไมจึงตก


ฝนเอย ทำไมจึงตก

     "ตกอีกละ ตกได้ทุกวี่ทุกวัน ตกเช้าตอนออกไปทำงาน ตกเย็นตอนเลิกงาน เข้าใจเลือกเวลาตกเนอะ เฮ้อ..." ผมยืนอยู่ที่หน้าอพาร์ทเม้นท์ที่ผมพักอาศัยอยู่ ยืนบ่นเรื่องฝนที่ตกแบบขัดใจคนทำงานซะจริงๆ ตกเช้า ตกเย็น แต่พอกลางวันอยู่ในออฟฟิต ก็ดันไม่ตก

     "พรึ่บ!!!" ผมกางร่มลายโดราเอม่อนออก เพื่อกางเดินกันฝนไปขึ้นรถเมล์ที่ปากซอย ถึงผมจะเป็นผู้ชายหน้าตาเข้มๆสักหน่อย แต่ก็แอบมีน่ารักๆ ชอบโดราเอม่อนอยู่เหมือนกัน ถามว่าอายรึเปล่าที่กางร่มลายโดราเอม่อน ตอบได้เลยว่า...นิดหน่อย แต่ทำไงได้ล่ะครับ ก็ผมชอบของผมนี่

     ผมกางร่มเดินมาได้สักระยะ ก็มาถึงอพาร์ทเม้นท์อีกที่หนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างทางที่ผมต้องเดินไปที่ป้ายรถเมล์ ผมเห็นหญิงสาวหน้าตาน่ารัก แต่งตัวน่ารัก ผิวขาว ดูมีออร่าความเป็นผู้ดี ยืนทำหน้าเซ็งๆอยู่ที่หน้าอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ ผมไม่รู้ว่าเธอยืนรออะไร แต่เพราะความน่ารักของเธอ ทำให้ผมลืมตัว เดินเข้าไปหาเธอแบบสมองมึนๆ มันสั่งการอะไรของมันเนี่ย

     "มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าครับ" ผมเดินไปถึงเธอ ผมก็ถามเธอด้วยความเป็นห่วง เธอยิ้มทำตาปริบๆ แล้วก็ตอบว่า

     "ฝนตก ไปทำงานไม่ได้ เปียก สายแน่ ไม่มีร่ม" เธอตอบแบบคนตกใจ เพราะเธอพูดเป็นคำๆ เรียงประโยคแทบจะไม่ได้ แล้วก็จบด้วยรอยยิ้มที่แสนหวาน จนผมแทบจะละลายอยู่ตรงหน้าเธอ ผมคิดว่าเธอคงกำลังคิดว่าจะทำยังไงดีเพลินๆ แล้วผมเข้ามาทักเธอ คำตอบของเธอก็เลยฟังดูแปลกๆ

     "เออ...แล้วร่มไม่มีเหรอครับ" ผมสงสัย เพราะตอนนี้อยู่ในช่วงฤดูฝน จริงๆเธอควรมีร่มติดตัวไว้

     "มันพังไปเมื่อวานค่ะ เจอลมพัดแรง ตูมเดียว ร่มพังเลย ฉันก็เปียกหมดเลย" เธอน่าจะหายตกใจ ตั้งสติได้แล้ว เพราะตอบคำถามของผมรู้เรื่องมากขึ้น แต่ก็ยังฟังดูแปลกๆอยู่

     "อ่อ ร่มพังนี่เอง ไปกับผมมั้ยล่ะครับ ผมจะเดินไปป้ายรถเมล์ คุณจะไปป้ายรถเมล์รึเปล่าครับ" ผมตัดบทถามให้เดินไปด้วยกันเลย เพราะขืนมัวยืนคุยกัน กลัวจะไปทำงานสาย

     "ไปค่ะ ไป รบกวนด้วยนะคะ" เธอมองหน้าผม แล้วก็ยิ้มแบบอายๆ

     "ข้าวผัดเนื้อไข่ดาว กับผัดไทกุ้งสดครับ" ผมสั่งอาหารที่ร้านอาหารตามสั่ง ที่อยู่ใกล้ๆกับอพาร์ทเม้นท์ของผมกับเธอ ผมเจอกับเธอเมื่อวันพุธ ส่วนตอนนี้คือ วันอาทิตย์ เราเริ่มรู้จักกัน คุยกัน ก็เลยชวนกันมากินข้าวที่ร้านประจำของทั้งผมและเธอ

     "มาด้วยกันได้ยังไงเนี่ย" ป้าเจ้าของร้านอาหารตามสั่ง เอาอาหารมาเสิร์ฟ พร้อมกับคำถาม เพราะป้าคงอดสงสัยไม่ได้ ว่าทำไมผมกับเธอถึงมานั่งกินข้าวที่ร้านของแกด้วยกันได้ เพราะร้านนี้คือร้านประจำของผมกับเธอ ป้าเจ้าของร้านคงจะเคยชินกับการที่เห็นผม หรือเธอมานั่งกินคนเดียวเป็นประจำ

     ผมมองหน้าป้าเจ้าของร้านแล้วบอกว่า "คืนนั้น...คืนนั้น..." ผมทำหน้าตาเสียใจจะร้องไห้

     "เพี๊ยะ!!!"

     "โอ๊ย!!!" เธอตีมือผมอย่างแรง พร้อมกับทำหน้าตาน่ากลัวใส่ผม

     "ล้อเล่นๆ..." ผมยิ้มให้เธอ แล้วก็เล่าความจริงให้ป้าเจ้าของร้านอาหารตามสั่งฟัง

     "จริงๆมันก็แปลกนะ เธอสองคนอยู่ที่นี่มานานหลายปีเลยนะ ตั้งแต่หลานสาวของป้ายังไม่เกิด จนตอนนี้มันอายุสามขวบ วิ่งเล่นได้ละ พวกเธอพึ่งจะเคยเจอกัน" ป้าเจ้าของร้านอาหารตามสั่ง พูดให้ผมกับเธอฟัง เพราะผมกับเธอต่างก็เป็นลูกค้าประจำของร้านแก แต่กลับไม่เคยมากินข้าวเวลาเดียวกันเลย แถมอยู่ในซอยเดียวกัน อพาร์ทเม้นท์ก็ไม่ได้ไกลกันมาก ก็ยังไม่เคยเจอกันเลย

     "หรือว่าตอนนั้นเธอยังไม่ขาว ไม่น่ารักแบบนี้มั้งครับ ผมอาจจะเคยเจอแล้ว แต่ไม่ได้สนใจ" ผมบอกป้าเจ้าของร้านอาหารตามสั่ง แล้วก็มองหน้าเธอแบบกวนๆ

     "เพี๊ยะ!!!" เธอตีมือผม และทำหน้าจริงจังใส่ผมอีกแล้ว

     "ก็ไม่นะ น้องเค้าขาว น่ารักแบบนี้ตั้งแต่แรกเห็นแล้ว แต่เพราะจังหวะไม่พอดีกันมากกว่า เธอก็เลยไม่เคยเจอกับน้องเค้าเลย จนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา พึ่งจะได้เจอนั่นแหละ" ป้าเจ้าของร้านอาหารตามสั่งอธิบาย

     "ถ้าร่มหนูไม่พัง เค้าก็คงไม่มีบุญได้เจอหนูหรอกค่ะ เชอะ!!!" เธอพูดเสียงกระแทกแบบงอนๆ แล้วก็สะบัดหน้า

     "กินข้าวๆ เดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อย" ผมขำเธอ แล้วก็ตัดบทชวนกินข้าว

     "สอง ช่วยแอนเก็บผ้าหน่อย เก็บคนเดียวเดี๋ยวไม่ทัน" ผ่านไปได้เดือนกว่าๆ สำหรับความสัมพันธ์ของผมกับเธอ ตอนนี้เธอยอมให้ผมขึ้นมาเที่ยวที่ห้องของเธอแล้ว แต่เธอยังไม่กล้าที่จะไปเที่ยวห้องของผม วันนี้เธอจะทำข้าวต้มหมูเป็นเมนูมื้อเที่ยง เธอเลยชวนผมมากินด้วย แต่ยังไม่ทันที่จะเริ่มเตรียมของทำข้าวต้ม ฝนก็เทลงมาซะก่อน เลยต้องรีบเก็บเสื้อผ้าของเธอที่ตากไว้ที่หลังห้องกันอย่างด่วน

     "อะโห จีสตริงเลยเหรอ แอบเซ็กซี่นะแอน" ด้วยความรีบของเธอ เธอคงลืมไปว่า เธอไม่ควรยื่นราวตากชุดชั้นในให้ผมไปเก็บ แต่มันช้าไปแล้ว เพราะตอนนี้ราวตากชุดชั้นในของเธอ อยู่ในมือของผมแล้ว ซึ่งพอผมได้เห็นทั้งราวที่ตากอยู่ ผมถึงกับตกใจ นี่เธอใส่แบบนี้ด้วยเหรอ

     "ไอ้บ้า เอามานี่ แล้วเอาอันนี้ไปเก็บ ไป๊!!!" เธอคงตกใจน่าดู เลยด่าผมเป็นไอ้บ้าซะอย่างงั้น แต่ผมก็แอบเห็นเธอยิ้มแบบอายๆ เธอคงไม่ได้โกรธอะไรผมหรอก ที่ผมแซวเธอไปแบบนั้น

     หลังจากที่รีบร้อนช่วยกันเก็บเสื้อผ้าของเธอเสร็จแล้ว ผมกับเธอก็มานั่งพักที่เตียงนอนด้วยกัน ทีแรกดูเหมือนจะไม่เหนื่อย แต่ก็เล่นเอาหอบอยู่เหมือนกัน เสียงหอบของทั้งคู่ บวกกับบรรยากาศฝนตก ฟ้าร้อง ตอนนี้บรรยากาศในห้องได้เปลี่ยนไป ผมกับเธอนั่งอยู่ด้วยกันบนเตียงนอน ผมหันไปมองสบตากับเธอ เธอสบตาผมกลับมา ผมทำตาปริบๆ เธอก็ทำตาปริบๆ ผมเม้มปาก แล้วเหมือนเธอจะรู้ว่าผมสื่อถึงอะไร เธอหลับตาลงช้าๆ ผมค่อยๆโน้มตัวเข้าไปหาเธอ ใกล้เข้าไปจนปากของผม ใกล้จะถึงปากของเธอ...

     "เปรี้ยง!!!"  "โป๊ก!!!"  "โอ๊ย!!!" ฟ้าผ่าในระยะใกล้ เสียงดังมาก เธอตกใจหัวโขกหัวผม ต่างคนก็ต่างเจ็บ บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไป แล้วก็ไม่เกิดอะไรขึ้นอีกเลยในวันนั้น นอกจากทำข้าวต้มหมู นั่งกินด้วยกัน

     ผ่านไปหนึ่งปี ผมกับเธอยังไม่เคยมีอะไรกันเลย นอกจากจับมือ โอบกอด และจุ๊บๆกัน สาเหตุที่ผมกับเธอยังไม่เคยมีอะไรกันเลยก็เพราะว่า เธอได้ขอร้องไว้ ว่าอย่าพึ่งทำอะไรเธอ ถ้ารักเธอจริงๆต้องรอได้ เธอไม่อยากเสียใจถ้าโดนผมทิ้ง แล้วเธอก็ไม่อยากให้แม่เสียใจด้วย ที่เธอไม่ฟังคำขอร้องของแม่ ที่แม่เคยขอร้องไว้ ว่าอย่ามีอะไรกับแฟนเด็ดขาด ก่อนที่แม่จะได้เจอกับแฟนของเธอ และมีอีกข้อที่สำคัญเลยคือ เธอบอกผมว่า ผมเป็นลูกผู้ชายพอรึเปล่า ถ้าเป็นลูกผู้ชายพอ ต้องไม่ทำร้ายผู้หญิง ทั้งร่างกาย และจิตใจ ผมเจอข้อนี้เข้าไป ผมเลยต้องกลายเป็นลูกผู้ชายตัวจริงไปเลยทีเดียว

     "เออ...นี่มันแบบสอบถาม หรือข้อสอบครับ" ฤดูฝนปีนี้ แม่ของเธอมาหาเธอที่อพาร์ทเม้นท์ เพราะเธอบอกแม่ว่า เธอมีแฟนแล้ว แม่ของเธอจึงหาเวลามาดูตัวผมถึงที่ ว่าผมจะสอบผ่านเป็นแฟนกับลูกสาวของเธอได้หรือไม่

     "จะทำหรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่ทำก็เลิกยุ่งเกี่ยวกับลูกสาวของฉันซะ" แม่ของเธอดูจริงจังมาก จนผมรู้สึกกดดัน แล้วฝนดันมาตกตอนนี้อีกนะ มีฟ้าร้องเหมือนในละครเลย ถ้าเป็นในละครผมคงโชคร้ายสอบไม่ผ่าน ต้องเดินตากฝนกลับห้องแน่ๆ อกหักเดินตากฝน เท่ไม่เบาเลย แต่นี่ไม่ใช่ละคร ผมต้องสอบให้ผ่าน ว่าแล้วก็จัดการทำข้อสอบของแม่เธอทันที

     ในข้อสอบของแม่เธอ ก็ถามเรื่องทั่วๆไป เหมือนกรอกใบสมัครงาน ชื่ออะไร เกิดเมื่อไหร่ ที่อยู่ๆที่ไหน ทำงานอะไร เงินเดือนเท่าไหร่ ความสามารถพิเศษ ฯลฯ แล้วก็มีถามถึงความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับลูกสาวของเธอด้วย เช่น วันเกิดลูกสาวเธอ สีที่ลูกสาวเธอชอบ อาหารที่ลูกสาวเธอชอบ ฯลฯ ผมใช้เวลาทำข้อสอบของแม่เธออยู่ประมาณยี่สิบนาทีก็เสร็จ

     "พักอยู่แถวนี้ใช่มั้ย" แม่ของเธอถามผม

     "ใช่ครับ อยู่อพาร์ทเม้นท์ใกล้ๆนี่แหละครับ" ผมรีบตอบอย่างตั้งใจ

     "กลับไปรอที่ห้องของเธอ จนกว่าลูกสาวของฉันจะโทรไปตาม" แม่ของเธอพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง จนผมไม่กล้าขัด

     "เอาล่ะ เธอสอบผ่านข้อเขียนแล้ว ต่อไปเป็นการสอบสัมภาษณ์" ผ่านไปประมาณ 45 นาที แม่ของเธอ ก็ให้เธอโทรตามผมกลับมาที่ห้องของเธออีกครั้ง ผมดีใจมากที่ผ่านการสอบข้อเขียนแล้ว แต่ก็ต้องลุ้นหนักอีก เมื่อต้องเจอกับด่านต่อไป

     "ข้อสอบของการสอบสัมภาษณ์มี 2 ข้อง่ายๆ พร้อมรึยัง" แม่ของเธอถามผมที่ดูจะยังเกร็งไม่หาย

     "พร้อมครับ" พร้อมไม่พร้อม ถึงวินาทีนี้มันก็ต้องพร้อมแล้วล่ะครับ

     "ในระยะเวลาที่คบกับแอนมาหนึ่งปี ทำไมถึงไม่ทำอะไรแอนเลย เพียงเพราะคำขอร้องของแอน หรือมีเหตุผลอื่น" แม่ของเธอยิงคำถามแรกออกมา ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะตอบยากสักหน่อย แต่สำหรับผมตอบได้ง่ายนิดเดียว เพราะหลังจากที่ผมได้เป็นแฟนกับเธอ ผมก็ได้โทรไปเล่า และปรึกษากับแม่ของผมบ่อยๆ ว่าผมควรทำตัวยังไงดี ถึงจะเหมาะสมกับการเป็นแฟนของผู้หญิงคนหนึ่ง

     "เพราะผู้หญิงไม่ใช่ของเล่น ผมเป็นผู้ชายควรให้เกียรติผู้หญิงครับ" ผมตอบไปสั้นๆได้ใจความ ทำเอาแม่ของเธออึ้งไปพักหนึ่ง ต้องขอบคุณแม่ของผมล่ะครับ ที่ให้คำสอนสั้นๆ แต่มีพลังมากมายกับผมแบบนี้ ผมเลยใจแข็งพอ ไม่ได้ล่วงเกินอะไรเธอเลย ยกเว้นก็แต่ จับมือ โอบกอด แล้วก็จุ๊บๆ เพราะเป็นความต้องการของเธอ ที่อยากให้ผมแสดงความรักต่อเธอบ้าง ผมเลยไม่กล้าขัด

     "งั้นข้อที่สอง เธอรักแอนเพราะอะไร" แม่ของเธอยิงคำถามของที่สองออกมา ข้อนี้ทำเอาผมนิ่งไปพักหนึ่ง เพราะไม่รู้จะตอบ จะอธิบายยังไงดี

     "เอ้าๆ อย่านิ่งสิ ฉันมีเวลาไม่มากนะ" ผมนิ่งคิดคำตอบนานไปหน่อย จนแม่ของเธอต้องเร่งผม

     "เออ...ผมรักแอน เพราะว่า...เพราะว่า...ผมสามารถทำให้แอนมีความสุขได้ครับ" ผมตอบเสร็จ ผมอึ้งกับคำตอบของตัวเอง ว่าตอบอะไรออกไปเนี่ย บ้ารึเปล่า สอบไม่ผ่านแน่ๆ

     ผมมองหน้าแม่ของเธอแบบเศร้าใจ แล้วแม่ของเธอก็บอกว่า "กลับไปรอที่ห้องของเธอ แล้วเดี๋ยวจะให้แอนโทรไปบอกคำตอบ" แม่ของเธอพูดแบบนี้ มันเหมือนกับตอนไปสัมภาษณ์งานเลย ให้เรากลับมารอคำตอบ แล้วก็เงียบหาบไปเลย สงสัยจะรอดยากแล้วเรา

     "เธอสองคนออกไปก่อน แม่จะสำรวจ และตรวจสอบความสะอาด และความเรียบร้อยของห้อง แม่อยากรู้ว่า แฟนของลูกเป็นคนแบบไหนอีกสักหน่อย" ผมดีใจมาก ที่แม่ของเธอดูจะยอมรับผมแล้ว คงเหลือเพียงอีกนิดหน่อยสำหรับการสำรวจ และตรวจสอบห้องของผม แต่ผมเชื่อว่า ผมคงผ่านได้ไม่ยาก เพราะผมก็เป็นคนมีระเบียบ มีความเรียบร้อยอยู่พอสมควร

     "สอง เธอสอบผ่าน แม่ยินดีที่จะให้สองเป็นแฟนกับแอนนะ เดี๋ยวแม่กลับไปรอที่ห้องของแอนนะ แม่เอาของสองอย่างวางไว้ในตู้เสื้อผ้า สองกับแอนไปเปิดดูนะ ทำภารกิจที่แม่มอบหมายให้เสร็จ แล้วเดี๋ยวมืดๆเจอกัน" แม่ของเธอออกมาจากห้องของผม หลังจากที่เข้าไปสำรวจ และตรวจสอบอยู่เพียงไม่กี่นาที

     ผมกับเธอสงสัยอย่างมาก ว่าภารกิจที่แม่มอบหมายไว้คืออะไร แล้วแม่เอาอะไรวางไว้ในตู้เสื้อผ้า แล้วทำไมแม่ต้องไปรอที่ห้องของเธอ แล้วทำไมต้องมืดๆค่อยเจอกัน ผมกับเธอรีบไปเปิดตู้เสื้อผ้าดู...

     "เพี๊ยะ!!!" เธอตีแขนผมซะเต็มแรง

     "ตีสองทำไมเนี่ยแอน" ผมลูบแขนตัวเอง เพราะเจ็บจากการตีของเธอ

     "เขินน่ะสิ เพี๊ยะ!!!" เธอตอบผม แล้วก็ตีแขนผมอีก

     "ชอบแบบรุนแรงก็ไม่บอก" ผมมองหน้าเธอ แล้วทำหน้าตาเจ้าเล่ห์

     "ห๊า ไม่นะ..." เธอทำหน้าตกใจ บิดตัวไปมาด้วยความเขิน

     "ฝนเอย ทำไมจึงตก..." ผมร้องเพลงให้เธอ 1 ท่อน

     "อ๊บ อ๊บ" เธอร้องตอบกลับมาแบบน่ารัก ก่อนที่ผมกับเธอจะ...แข่งกับเสียงฝนตก ฟ้าร้อง

     สิ่งที่แม่ของเธอวางไว้ในตู้เสื้อผ้า เป็นสิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจได้เลยว่า ผมผ่านการสอบแล้วแน่นอน และผมก็สามารถเดินหน้าไปกับเธอได้อย่างเต็มที่ เพราะสิ่งที่แม่ของเธอวางไว้ก็คือ ชุดนอนซีทรูแบบบางเบา ใส่แล้วเซ็กซี่กระจาย คาดว่าใส่ชุดนอนนี้แล้ว จะไม่ได้นอนซะมากกว่า และถุงยางอนามัยอีก 2 กล่อง ... เฮ้ย ไม่ใช่ละ จริงๆแล้วมันคือ แหวนแต่งงาน และเช็คเงินสดอีกหนึ่งแสนบาท พร้อมกับกระดาษที่เขียนภารกิจเอาไว้ว่า "รีบๆมาขอลูกสาวแม่นะ แม่อยากอุ้มหลานตัวน้อยๆแล้ว"

ความคิดเห็น