ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 82 (บทความ) _ ภาษากาย



ภาษากาย

     ต่อจากบทความที่ผ่านมานะครับ ที่เรื่อง รักครั้งใหม่ ผมยังคงประเด็นหลักคือ ความรักที่มีอันต้องเลิกรา หย่าร้างด้วยสาเหตุจากมือที่สาม

     ภาษาใจ ใครๆก็รู้นะครับ ว่ามันอยู่ที่ความเข้าใจกัน มันถึงจะอยู่กันยืด แล้วภาษากายคืออะไร ใครพอจะเดาออกบ้าง บางคนรู้ บางคนไม่รู้นะครับ ส่วนผมเหรอ...ผมไม่รู้ อ้าว...ยังไงล่ะเนี่ย แต่ผมขอเดาว่ามันคือ รูป รส กลิ่น เสียง นั่นเองครับ

     คุณเคยจับมือใครรึเปล่า เคยกอดใครรึเปล่า เคยมองเห็นคนที่เค้าดูดีจนอยากเก็บเอาไว้คนเดียวรึเปล่า หรือเคยได้ยินเสียงใครสักคน แล้วอยากฟังซ้ำๆบ้างรึเปล่า ผมคิดว่านั่นแหละครับ คือ ภาษากาย

     เชื่อหรือไม่ว่า ภาษากาย มันอาจจะอยู่ในความทรงจำของเราได้นานกว่าภาษาใจซะอีก เคยจับมือแฟนคนแรกเมื่อหลายปีก่อน ป่านนี้บางคนก็ยังจำได้ เคยกอดกับเพื่อนๆ เมื่อตอนประสบความสำเร็จอะไรสักอย่าง ความรู้สึกที่เคยกอด บางคนก็ยังจำได้

     แล้วภาษากายเกี่ยวข้องกับมือที่สามยังไง ผมว่าไม่ต้องบอกก็คงเดาออกกันนะครับ ว่าภาษากายที่ว่ามันหมายถึงอะไร...ถูกต้องครับ ภาษากายที่ว่าก็คือ เซ็กส์ ซึ่งมันมีทั้ง รูป รส กลิ่น เสียง ครบสมบูรณ์แบบเลย แต่เซ็กส์อาจจะไม่ใช่รัก มันอาจจะเป็นแค่หลง หลงในกายของอีกคน แต่ไม่ใช่เพราะความหลงนี้เหรอ ที่ทำให้ความรักที่เคยมีมาก่อนนั้น ต้องพังทะลายลง

     หลายต่อหลายคู่ ความรักพังเพราะมือที่สาม แล้วหลายต่อหลายคู่ มือที่สามหน้าตา ท่าทาง ก็ไม่ได้ดูดีไปกว่าคนที่จะโดนทิ้งเลย บางทียังดูแย่กว่าด้วยซ้ำไป แต่ก็นะ บางทีคนที่จะทิ้งเขาหลงภาษากายของใหม่มากๆ มากซะจนอยากเลิกกับภาษากายของเก่า เจอแบบนี้เข้าไป คนที่ถูกทิ้งคงหลอนไปอีกนานเลยล่ะครับ

     จริงๆแล้วก่อนที่ภาษากายจะเกิดขึ้นได้ มันก็ต้องเริ่มมาจากภาษาใจก่อนนะ พอต่างฝ่ายต่างคุยกันถูกใจ ความรู้สึกชอบค่อยๆก่อตัวขึ้น หรืออาจจะข้ามขึ้นไปถึงความรู้สึกรักเลยก็ได้ แต่ตราบใดที่ยังไม่เคยได้ขับรถสปอร์ตคันละหลายล้าน ผมเชื่อว่า ยังพอมีโอกาสหันกลับได้ เพราะภาษากายยังไม่เกิด แต่ถ้าเมื่อไหร่ได้ลองขับรถสปอร์ตคันละหลายล้านแล้วล่ะก็นะ งานนี้มีโอกาสแตกหักกับรถจักรยานคันเก่าที่บ้านสูงมาก (รถสปอร์ต กับรถจักรยานคืออะไร กลับไปอ่านบทความก่อนหน้านี้ "รักครั้งใหม่" นะครับ)

     บางคนนะครับ ไม่ได้เกิดจากความชอบ ความรักอะไรเล้ยยย แต่เกิดจากความบังเอิญครับ บังเอิญมือชนกัน บังเอิญเดินชนกัน บังเอิญล้มทับกัน (ละครน้ำเน่าละ) หรือรวมไปถึง บังเอิญเมาแล้วได้กัน รสเซ็กส์เลยโคตรมันส์ หลงหนักเลย

     สงสัยใช่มั้ยล่ะครับ บังเอิญมันเป็นภาษากาย นำพาให้ความรักพังได้ยังไง

     บังเอิญมือชนกัน กายชนกาย สัมผัสความนุ่มกระทบความรู้สึก เกิดการคุยกัน สานต่อ งามใส้เลย

     บังเอิญเดินชนกัน กายชนกาย สัมผัสความนุ่ม ความแรง ส่วนสูง อาจจะมีกลิ่นตัวเพิ่มเข้าไปอีก เกิดการคุยกัน สานต่อ งามใส้เลย (ชักเริ่มแถแล้วผม)

     บังเอิญได้คุยโทรศัพท์ติดต่อเรื่องงานกัน แต่เอ๊ะ เสียงที่ปลายสายเพราะจัง อยากได้ยินเสียงบ่อยๆซะแล้วสิ สานต่อ งามใส้เลย

     บังเอิญได้ชิมอาหารฝีมือใครสักคน แล้วแบบว่า อร่อยถูกปากมาก อยากให้เขาทำให้กินบ่อยๆจัง สานต่อ งามใส้เลย (ผมนี่แถไปเรื่อยได้จริงๆ)

     ชักจะเลอะเทอะแล้วผม เอาเป็นว่า ภาษากายมีผลกระทบรุนแรงพอๆกับภาษาใจนั่นแหละครับ แล้วเมื่อไหร่ที่ภาษาใจรวมกับภาษากายแล้ว มันก็มักจะเกิดการเปรียบเทียบขึ้น แล้วส่วนมากของใหม่มักจะได้เปรียบกว่าเสมอ

     ฝากไว้เหมือนเดิมนะครับว่า ไม่มีใครหยุดความวุ่นวายเรื่องความรักได้ นอกจากตัวเรา ใจเรานะครับ รู้จักพอ รู้จักหนักแน่น เรื่องวุ่นๆก็จะได้ไม่เกิดขึ้นให้เราปวดหัวนะครับ

ความคิดเห็น