ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 15 (เรื่องสั้น) ... ผีสาวเมี้ยวๆ



                กุกกักกุกกัก เสียงดังเหมือนมีใครมารื้อของในห้องเก็บของ ทำให้ครูสาวที่เก็บของไว้เตรียมจะย้ายไปสอนที่โรงเรียนอื่นตื่นขึ้น
                “เสียงอะไรเนี่ย มีขโมยรึเปล่า หรือแมวมากัดของที่เก็บไว้” ครูสาวบ่นพึมพำกับตัวเอง พร้อมกับลุกไปที่ห้องเก็บของโดยไม่เปิดไฟ เพราะถ้าเป็นขโมยอาจจะทำให้ตัวเองมีอันตรายได้
                สิ่งที่ครูสาวเห็นในความมืดคือ นายโด่ง ถึงจะมืดแต่ก็พอจะจำลักษณะท่าทางได้ นายโด่งมารื้อค้นของที่ครูสาวเก็บไว้เพื่อเตรียมย้ายในวันพรุ่งนี้ ครูสาวตกใจแต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงดัง หรือบุกเข้าไปหานายโด่ง เพราะนายโด่งเป็นผู้ชาย และเป็นนักเลงพกอาวุธติดตัวเป็นประจำ ครูสาวคิดจะออกจากบ้านเพื่อไปขอให้คนมาช่วย
                แต่ครูสาพลาดท่า โดนนายโด่งจับได้ เพราะด้วยความซุ่มซ่ามของตัวเอง บวกกับความมืด ครูสาวล้มลงบนพื้นบ้านพัก ซึ่งเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูง
                “ยินดีต้อนรับ คุณครูคนใหม่ครับ” ผอ.โรงเรียนกล่าวทักทายครูหนุ่มที่มาสอนแทนครูสาวที่ย้ายไปสอนที่โรงเรียนอื่น
                “สวัสดีครับ ผอ. และครูทุกคนนะครับ” ครูหนุ่มมาดเท่ห์ ยกมือไหว้สวัสดีครูทุกคนที่มาต้อนรับตัวเค้า
                “ผมชื่อ เอก นะครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” ครูเอกแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ ด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ทั้ง ผอ. และครูทุกคนที่มาต้อนรับรู้สึกเป็นมิตรด้วยอย่างยิ่ง
                “สภาพบ้านเก่าสักหน่อยนะครับ แต่รอบๆบ้าน บรรยากาศดีมากจริงๆ” ครูเอกพูดถึงบ้านพักครูที่เค้าต้องมาพักอยู่ โดยมี ผอ.เป็นคนเดินมาส่ง
                “โรงเรียนชนบทก็แบบนี้แหละครับ ไม่มีงบเยอะๆสร้างบ้านพักครู ได้บ้านไม้ใต้ถุนสูงก็หรูแล้วครับ” ผอ.พูดแบบเศร้าๆ แต่ก็มีรอยยิ้มบนใบหน้า
                “ผมว่าครูคนไหนได้มาอยู่บ้านพักนี้ ก็คงมีความสุขนะครับ เพราะบรรยากาศดี แถมสงบอีกต่างหาก” ครูเอกพยายามพูดให้ ผอ.รู้สึกดีขึ้น
                “ผมก็ว่าแบบนั้นแหละครับ” ผอ.ส่งครูเอกที่บันไดบ้าน แล้วก็ขอลากลับไปทำงานต่อทันที
                “ผอ.ท่าทางแปลกๆ บ้านพักครูมีผีรึเปล่าเนี่ย บรึ๊ย” ครูเอกแสยะยิ้ม พร้อมหันไปมองที่ชั้นสองของบ้านพัก
                ครูเอกขึ้นไปเก็บของบนบ้านพักครูที่เงียบสงบ วันนี้บรรยากาศถือว่าดีทีเดียว ไม่ร้อนจนเกินไป มีลมพัดเอื้อยๆ มีเสียงนกร้องทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในป่าจริงๆ
                บ้านพักครูเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูงตามแบบชนบท ด้านล่างจึงเป็นห้องครัว ส่วนด้านบนก็มีห้องนอน ห้องเก็บของ และห้องน้ำ ที่เหลือเป็นลานบ้าน ยิ่งบ้านหลังนี้ทำเพดานไว้สูงกว่าปกติถึง 30 ซม. ทำให้ชั้นสองยิ่งโล่ง โปร่ง แต่ก็ดูวังเวงพิกล
                “รอยอะไรเนี้ย” ครูเอกเจอรอยเหมือนคราบน้ำอะไรสักอย่างบนพื้นชั้นสอง ซึ่งดูไปดูมาก็อาจจะเป็นรอยคราบน้ำมันก็ได้
                ครูเอกใช้เวลาระยะหนึ่งในการเก็บของ และทำความสะอาดบ้านพักครู จนตกบ่ายครูเอกก็เพลียจากการเดินทาง และทำความสะอาดบ้านทั้งหลัง ครูเอกเลยนอนพักเอาแรงที่ลานบ้านชั้นสอง ครูเอกนอนหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ จนกระทั่ง...
                กุกกักกุกกัก เสียงเหมือนมีใครมารื้อของในห้องนอนของครูเอก ทำให้ครูเอกตกใจตื่นขึ้น
                “เสียงอะไร ใครมารื้อของอะไรในห้องนอนเรารึเปล่า” ครูเอกบ่นพึมพำกับตัวเอง พร้อมกับลุกไปที่ห้องนอน
                ครูเอกค่อยๆแง้มประตูห้องนอน เพื่อดูว่าใครมารื้อของในห้องนอนรึเปล่า “ไอ้ชิบหาย แมวฟ้อนเล็บ” สิ่งที่ครูเอกเห็นคือ แมวตัวหนึ่งกำลังฟ้อนเล็บใส่กางเกงยีนส์ที่ครูเอกแขวนไว้ สงสัยมันคงไม่มีอะไรทำ
                “มานี่เลยๆไอ้แมว มาฟ้อนเล็บใส่กางเกงยีนส์กันแบบนี้ หาเรื่องใช่มั้ย” ครูเอกอุ้มแมวออกมาจากห้องนอน แล้วก็ลงไปที่ห้องครัวเพื่อหาอะไรให้มันกิน โดยแมวก็นิ่ง ให้อุ้ม ไม่ดิ้น ไม่ซนเลย
                “อ้าว ลืมไป ห้องครัวไม่มีอะไรกินเลยนี่หน่า พึ่งย้ายมาแท้ๆ สงสัยจะเบลอละเรา” ครูเอกบ่นกับตัวเอง พร้อมกับปล่อยแมวให้ออกจากการจับกุมของเค้าไป
                ตกเย็นวันแรกของการมาเป็นครูที่นี่ ก็มีงานเลี้ยงต้อนรับครูเอกเล็กๆที่บ้านพักครู มีครูในโรงเรียนมานั่งกินกัน 5 คน กินกันตั้งแต่หัวค่ำจนถึงสองทุ่ม ครูคนอื่นๆก็จะขอตัวกลับกันแล้ว
                “ขอตัวกลับก่อนนะครูเอก พรุ่งนี้เจอกัน” ครูทั้ง 5 คน ขอตัวกลัวทีเดียวพร้อมกันหมดเลย ทำเอาครูเอก งง ทีเดียว
                “จะกลับพร้อมกันทีเดียว 5 คนเลยเหรอครับ ไม่อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนเหรอ นี่พึ่งสองทุ่มเองนะครับ ยังไม่ดึกเลย หรือนอนกับผมที่นี่เลยก็ได้ ผมอยากรู้เรื่องโรงเรียนเพิ่มอีกสักหน่อย” ครูเอกอยากให้ใครสักคนอยู่เป็นเพื่อนก่อน เพราะยังอยากรู้เรื่องของโรงเรียนให้มากกว่านี้
                “เรายังเจอกันอีกนาน ไม่ต้องใจร้อนหรอกครับ” ครูคนหนึ่งพูดขึ้น พร้อมกับลุกขึ้น และเดินลงบันไดไปพร้อมๆกับครูอีก 4 คน
                “งั้นก็เดินทางกลับบ้านดีๆนะครับ พรุ่งนี้เจอกันครับ” ครูเอกส่งครูทั้ง 5 คนที่บันไดบ้าน แล้วก็หันกลับไปที่วงข้าวที่ปูเสื่อนั่งกินกันที่ลานบ้าน เจอแมวอีกแล้ว แต่คราวนี้ครูเอกไม่ไล่แมวไป กลับปล่อยให้มันกินจนอิ่ม แล้วครูเอกจึงเก็บจานชามลงไปล้างที่ห้องครัวข้างล่าง
                ครูเอกล้างจานชามไปจนจะเสร็จ ก็รู้สึกเหมือนมีใครมายืนจ้องมองอยู่ที่ข้างหลัง ครูเอกหันขวับไปทันที “ไอ้แมวนี่ ไปๆ ไม่มีอะไรให้กินแล้ว” สิ่งที่เจอคือแมวตัวเดิม สงสัยมันจะชอบครูเอกเข้าซะแล้ว
                ครูเอกล้างจานเสร็จ ก็เอาผึ่งไว้ข้างๆที่ล้างจาน และรู้สึกว่ามีคนมายืนจ้องอยู่ข้างหลังอีกครั้ง ครูเอกหันขวับไปทันที “ไม่มีแมว ไม่มีใคร แล้วทำไมเรารู้สึกเหมือนมีใครจ้องมองเราอยู่” ครูเอกบ่นพึมพำคนเดียว ก่อนที่อยู่ๆไฟจะดับลง พรึ่บ!!!
                “นั่นใครน่ะ” หลังจากไฟดับลง ครูเอกก็จะรีบกลับขึ้นไปบนบ้าน เพราะอยู่ข้างล่างอันตรายเกินไป กลัวสัตว์ร้าย แต่ครูเอกกลับเห็นใครสักคนยืนเป็นเงาลางๆอยู่ตรงประตูห้องครัว
                “ใคร ผมถามว่าใคร ผมมีมีดในมือนะ” ครูเอกรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย จึงคว้ามีดมาไว้ในมือ ตอนนี้เค้าขนลุกไปทั้งตัว ไม่รู้ว่าที่เห็นเป็นเงาลางๆนั้น เป็นคนหรือผีกันแน่
                “เงาลางๆค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ครูเอก ครูเอกถือมีดพร้อมแทงสวนทันที ถ้ารู้สึกว่าไม่ปลอดภัย “ถ้าไม่บอกว่าใคร ผมแทงจริงๆนะ” ครูเอกขู่เงาลางๆที่ใกล้ตัวเค้าเข้ามาเรื่อยๆ
                เงาลางๆใกล้เข้ามาอย่างไม่พูดไม่จา ครูเอกไม่มีทางเลือก จึงแทงมีดสวนออกไปทันที “ชิบหาย ทั้งมีด ทั้งมือ แม่งทะลุ ผีนี่หว่า”  ครูเอกทำเสียงตกใจ ขนลุกไปทั้งตัว ก่อนที่จะเห็นหน้าผีตนนั้นอย่างชัดเจนในระยะประชิดประมาณ 30 ซม. และไฟก็ติด พรึ่บ ทันที
                “ทำไมผีส่วนมากต้องเป็นผู้หญิงว้า” หลักจากที่ไฟติดแล้ว แทนที่ครูเอกจะกลัวผีสาว กลับกลายเป็นว่าไม่กลัวเลยสักนิด แถมยังมีข้อสงสัยอีกว่า ทำไมผีส่วนมากต้องเป็นผู้หญิง
                “อ้าว ไม่กลัวเหรอ” ผีสาวพูดประโยคแรกกับครูเอก
                “ไม่ล่ะ ผมไม่กลัวผี เพราะผีทำร้ายผมไม่ได้หรอก” ครูเอกตอบพร้อมกับเก็บมีดไว้ที่เดิม
                “สิ่งที่ผมกลัวคือ กลัวตาย และผีก็ทำให้ผมตายไม่ได้หรอก ถ้าผมยังมีสติมากพอนะ” ครูเอกชี้แจงให้ผีสาวได้เข้าใจ
                “แล้วนี่คุณผีสาวมาหลอกผมทำไม” ครูเอกถามผีสาว
                “ฉันไม่ได้มาหลอกคุณ แต่ฉันมาขอให้คุณช่วยต่างหาก” ผีสาวตอบพร้อมกับทำท่าจะร้องไห้
                “จะมาขอให้ช่วย แต่มาแบบนี้เนี่ยนะ ใครเค้าจะช่วย เค้าก็มีแต่กลัวทั้งนั้นแหละ ถ้าจะมาให้ช่วย ก็มาตอนไฟสว่างๆสิครับคุณพี่สาว” นอกจากครูเอกจะไม่กลัวผีแล้ว ยังสั่งสอนผีได้อีก
                “ก็ตอนจะออกมาไฟมันยังติดนะ แต่พอออกมาไฟมันดันดับเฉยเลย ฉันไม่ได้ทำให้ไฟดับนะ แล้วฉันก็ขอโทษที่ทำให้ตกใจ” พี่สาวร้องไห้และขอโทษครูเอก
                “เอาเถอะครับ ช่างมันเถอะไม่ต้องร้องไห้นะ นี่ดีนะครับที่ผมเป็นคนไม่กลัวผี เลยสามารถรับฟังได้ว่าคุณอยากให้ช่วยอะไร” ครูเอกยิ้ม ปลอบใจผีสาวซะอย่างงั้น
                “ผมว่าสิ่งที่ถูกต้องคือ การให้ทุกคนได้รับรู้ความจริง และจับคนผิดมาลงโทษนะครับ ไม่ใช่ปกปิดอยู่แบบนี้ ถ้าเป็นแบบนี้คนผิดก็จะยังลอยนวลต่อไป และคนตายก็จะไม่ได้รับความยุติธรรมนะครับ ไหนจะพ่อแม่ของคนตายอีก ที่เค้าต้องการเจอลูกของเค้า แม้ลูกของเค้าจะตายไปแล้วก็ตาม ผมคิดว่าไม่ว่าจะช้า หรือเร็ว ยังไงๆเรื่องนี้ก็ต้องถูกเปิดเผยขึ้น แล้วทำไม ผอ.ถึงต้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับล่ะครับ เพื่ออะไร” ครูเอกถาม ผอ.ถึงเรื่องการตายของครูสาว จากฝีมือของนายโด่ง ว่าทำไมถึงต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วย
                “ผมไม่รู้หรอกนะว่าใครเป็นคนฆ่าคุณครูสาวของเรา แต่ที่อยากเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับก็เพราะ ไม่อยากให้ใครรู้ว่ามีการฆ่ากันตายในโรงเรียนแค่นั้นแหละ” ผอ.ตอบกับครูเอก
                เช้าวันต่อมา ตำรวจไปควบคุมตัวนายโด่งเพื่อให้รับสารภาพ ซึ่งนายโด่งที่กลัวความผิดอยู่แล้ว ก็ยอมรับสารภาพแต่โดยดี สายของวันนั้นข่าวก็แพร่ออกไป พร้อมกับที่ตำรวจนำตัวนายโด่งมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพในคดีฆ่าครูสาวที่บ้านพักครู
                “ทำไมคุณถึงรู้ว่านายโด่งคือ ฆาตกรในคดีนี้ครับ” นักข่าวท้องถิ่นสอบถามครูเอก
                “ฉันอยากให้ช่วยเอาศพของฉันไปทำพิธีตามประเพณีให้หน่อย ฉันจะได้หมดทุกข์ ไปผุดไปเกิด แล้วก็อยากให้ช่วยจับคนผิดมาลงโทษให้ด้วย” ผีสาวบอกกับครูเอก
                “ศพคุณอยู่ที่ไหน แล้วคนร้ายคือใคร เหตุการณ์มันเป็นยังไง” ครูเอกสงสัยอย่างมาก
                “คืนนั้นเป็นคืนสุดท้ายที่ฉันจะอยู่ที่นี่ ก่อนจะย้ายไปโรงเรียนอื่นในวันรุ่งขึ้น มันขึ้นมาขโมยของในห้องเก็บของได้ยังไงก็ไม่รู้ ฉันไปแอบดูรู้ว่าเป็นใคร และกำลังจะหนีไปหาคนมาช่วย แต่ด้วยความซุ่มซ่าม และมืด ทำให้ฉันหกล้มเสียงดัง มันรู้ตัว เลยมาฆ่าฉันที่ลานบ้านนี่แหละ วันรุ่งขึ้น ผอ.มาเจอศพฉันเป็นคนแรก แต่แทนที่เค้าจะช่วยฉัน เค้ากลับเอาฉันไปฝังไว้ที่ป่าหลังโรงเรียน และปล่อยให้นายโด่งลอยนวลต่อไป
                ศพฉันอยู่ในป่าหลังโรงเรียน ช่วยไปขุดมาทำพิธีให้หน่อยนะ ส่วนหลักฐานว่านายโด่งคือฆาตกร ก็พิสูจน์ลายนิ้วมือเอาก็ได้ หรือถ้าอยากให้ชัวร์ ก็เอาเส้นผมในกระเป๋ากางเกงของฉันไปพิสูจน์ DNA เอานะ เพราะฉันสู้สุดแรง กระชากผมของมัน แล้วยัดใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงก่อนที่จะโดนมันฆ่า” ผีสาวเล่าทุกอย่างให้ครูเอกฟังจนหมด
                “ได้เลย แล้วผมจะจัดการให้” ครูเอกให้คำมั่นสัญญากับผีสาว และก็ทำได้สำเร็จในที่สุด
เวลา 22.00 น. ณ บ้านพักครูหลังเดิม
                “ตอนนี้ผีครูสาว คงไปสู่สุขติแล้ว ขอให้หลับให้สบายนะครับ” ครูเอกนอนอยู่บนที่นอนอวยพรให้ผีครูสาว ทันใดนั้นเองครูเอกรู้สึกเหมือนมีใครมาจ้องมองอยู่ที่ปลายเท้า ครูเอกสะดุ้งลุกขึ้นมานั่งมองทันที “เมี้ยววววว....”
                “พรุ่งนี้จะกินแมวย่างงงงงง” ครูเอกตะโกน แล้วก็ลุกไปไล่จับแมว

ความคิดเห็น