ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 29 (เรื่องสั้น) ... ขอทาน



                ณ เมืองศิวิไล ที่เต็มไปด้วยความเจริญก้าวหน้าในทุกๆด้าน ตึกรามบ้านช่องก็ต่างกลายเป็นคอนโดสูง เพื่อคนที่ต้องการมีบ้านได้จับจองเป็นเจ้าของ ความวุ่นวายบนท้องถนนก็มีให้เห็นทุกวัน  เพราะคนที่มีเงิน ก็ต่างซื้อรถเป็นของตัวเอง ด้านการสื่อสารก็เจริญก้าวหน้าอย่างมาก จากจดหมายมาเป็นโทรศัพท์ จากโทรศัพท์มาเป็นสมาร์ทโฟน ไม่ต้องโทรคุยกัน แค่ก้มหน้าก้มตาจิ้มๆๆ ก็ได้คุยกันแล้ว
                ภาพของความเจริญมีให้เห็นแทบทุกพื้นที่ของเมืองศิวิไลแห่งนี้ ทำให้ผู้คนที่ต้องการมีบ้าน มีรถ มีเงิน ต่างพากันเข้ามาทำงานกันในเมือง โดยตั้งความหวังไว้ว่า สักวันหนึ่งต้องมีให้ได้แบบคนอื่น คือ มีบ้าน มีรถ และมีเงินเยอะๆ ทำให้ชีวิตมีความสุข สะดวก สบาย
                แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะประสบความสำเร็จ เพราะถ้าทุกคนประสบความสำเร็จกันหมด ก็คงไม่มีคำว่า รวย กับ จน
                สมาน เป็นขอทานมือใหม่ในวัยเพียงสามสิบกว่าๆเท่านั้น เขาเร่ร่อนขอทานไปเรื่อยตามสถานที่ต่างๆ ทั้งห้างสรรพสินค้า ตลาด สวนสาธารณะ รวมไปถึงวัด เขาเป็นขอทานที่มีเนื้อตัวที่ค่อนข้างสะอาดเมื่อเทียบกับขอทานคนอื่นๆ แต่เสื้อผ้าของเขาก็ยังคงสกปรกและฉีกขาดเหมือนกับขอทานคนอื่นๆ เพราะไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าใหม่
                ในบรรดากลุ่มคนขอทานด้วยกัน สมานจะถูกกล่าวขานว่าเป็นขอทานมืออาชีพ เพราะจะรู้จักทำเล และเวลาในการไปขอทานเป็นอย่างดี
                ตอนเช้าๆ สมานจะไปนั่งขอทานอยู่ที่หน้าวัด เพราะว่าคนมาทำบุญก็ต้องอยากได้บุญ เขาคิดว่าน่าจะได้เงินจากคนที่ใจบุญบ้างล่ะ ดีไม่ดีอาจจะมีคนใจบุญ เอาอาหารมาให้ทานคนขอทานอย่างเขาบ้างก็ได้
                แล้วก็จริงอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้ เขาได้รับเงินบริจาคจากการขอทานที่หน้าวัดเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งพอที่จะเอาไปซื้อข้าวเช้ากินได้แล้ว แต่ก็ยังมีเหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจเล็กน้อย นั่นก็คือ มีหญิงสาวคนหนึ่งนำอาหารมาให้ทานแก่เขา ตอนที่หญิงสาวเอาอาหารมาให้เขา เขาก้มหน้าอยู่ พอเห็นถุงอาหาร เขาก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้น มองตั้งแต่ถุงอาหาร ไล่ขึ้นไปจากถุงอาหาร มือ แขน จนไปถึงหน้าตาของหญิงสาว
                หญิงสาว (ยิ้ม) ฉันไม่อยากให้ทานเป็นเงินน่ะ ฉันขอให้ทานเป็นอาหารแทนก็แล้วกันนะ
                สมาน (ยิ้มตอบ) ได้ครับ ขอบคุณมากครับ
                สมาน รับถุงอาหารจากหญิงสาวไว้ แล้วหญิงสาวก็เดินจากไป เขาดูจากชุดของหญิงสาวแล้ว คิดว่าน่าจะทำงานเป็นพนักงานบริษัทที่ไหนสักแห่ง เขาประทับใจในน้ำใจของหญิงสาวมาก และหญิงสาวคนนี้ก็หน้าตาน่ารัก พูดจาดี อัธยาศัยดี กิริยามารยาทก็น่าจะเรียบร้อยด้วยแน่ๆ แต่หยุดคิดเลยว่า สมานจะลงเอยกับหญิงสาวคนนี้ เพราะนี่ไม่ใช่ละครน้ำเน่า
                พอสายๆหลังจากที่สมานกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว ประมาณสิบโมงเขาก็จะเดินไปนั่งที่สะพานลอยตรงข้ามกับห้างสรรพสินค้า เพราะเขารู้ว่าเดี๋ยวพอใกล้เที่ยง ผู้คนก็จะออกจากบริษัทมากินข้าว เดินเล่นกันที่ห้างสรรพสินค้า ซึ่งในย่านนี้มีบริษัทอยู่เยอะมาก พนักงานบริษัทรวมๆกันแล้วน่าจะเกินห้าร้อยคน แล้วห้างสรรพสินค้าย่านนี้ก็มีอยู่เพียงห้างฯเดียว ซึ่งต้องมีคนในบุญอยู่บ้างแหละ
                ถึงเวลาใกล้เที่ยง พนักงานก็เริ่มเดินข้ามสะพานลอยเพื่อไปที่ห้างสรรพสินค้ากัน ซึ่งเขาก็แปลกใจอยู่ไม่น้อยว่า ปกติบริษัทเค้าจะให้พักเวลาเที่ยงตรง ถึงบ่ายโมงไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมพนักงานบางคนถึงออกมาก่อนเวลากันได้นะ แต่นั่นก็ไม่ใช่หน้าที่อะไรของเขาที่ต้องสงสัย หน้าที่ของเขาคือ ขอทานเท่านั้น
                ระยะเวลาเพียงชั่วโมงกว่าๆ ที่เขาได้เจอกับพนักงานบริษัทมากมายที่ข้ามสะพานลอยเพื่อไปที่ห้างสรรพสินค้า และข้ามกลับมาเพื่อกลับไปทำงาน เขาได้เจอคนหลากหลายรูปแบบ หลากหลายนิสัย แต่สิ่งหนึ่งที่เขาสังเกตได้คือ คนส่วนมากจะมาให้ทานเขาหลังจากที่ไปเดินห้างสรรพสินค้าเสร็จแล้ว ซึ่งนั้นก็หมายความว่า มีคนจำนวนไม่น้อยที่จดจำเขา ว่านั่งขอทานอยู่ตรงสะพานลอย และตั้งใจจะกลับมาให้ทาน หลังจากที่เดินห้างฯเสร็จแล้ว
                “ขาขาวๆ นุ่งสั่นๆกันจริงๆน้อ สาวๆเดี๋ยวนี้จะแข่งกันสั้นไปไหน เห็นแล้วเลือดกำเดาแทบพุ่ง” สมานคิดในใจ เพราะเขานั่งอยู่ ทำให้มุมมองของเขาค่อนข้างต่ำกว่าสายตาของคนที่เดินไปเดินมา
                บ่ายโมงกว่าหลังจากที่ผู้คนเริ่มซา สมานก็ได้เงินมากการบริจาคมาจำนวนหนึ่ง เขาก็ไปซื้อข้าวกิน แน่นอนว่าคนขายอาหารส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบขอทานกันสกเท่าไหร่นัก เพราะขอทานส่วนใหญ่จะมาขอกินฟรี แถมเนื้อตัวก็สกปรกอีก แต่กับสมานแล้ว กลับไม่ใช่แบบนั้น เพราะเขามาขอซื้อ มีตังค์จ่าย และเนื้อตัวค่อนข้างสะอาด เพราะเขาอาบน้ำที่ปั้มน้ำมันทุกวัน
                เจ้าของร้านข้าวแกง วันนี้กินอะไรดีสมาน
                สมาน เอาเป็น ผัดผักบุ้ง กับไข่ดาวก็แล้วกันครับ
                สมาน ซื้อข้าวราดแกงที่ร้านนี้ประจำ จนสามารถที่จะสนิทสนมกับเจ้าของร้านได้พอสมควร เพราะตัวเจ้าของร้านเองก็เป็นคนที่อัธยาศัยดี
                สมาน ซื้อข้าวกล่องจากร้านประจำมานั่งกินที่สวนสาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำอยู่เป็นประจำทุกวัน เขาจะนั่งกินข้าวอยู่ใต้ร่มไม้ หน้าปากทางเข้าสวนสาธารณะ ซึ่งเป็นทำเลดีมาก เพราะทุกคนที่จะเข้าสวนสาธารณะต้องผ่านทางนี้
                ระหว่างที่เขานั่งกินข้าวอยู่นั้น เขาเกิดสำลักข้าวขึ้นมา แล้ววันนี้ดันพลาดลืมซื้อน้ำมาด้วย ทำให้เขาต้องรีบลุกไปหาน้ำดื่ม แต่ยังไม่ทันที่เขาจะลุกขึ้น ก็มีชายคนหนึ่งยื่นขวดน้ำให้เขา เขามองหน้าชายคนนั้นเพียงชั่วครู่ แล้วก็รีบคว้าขวดน้ำมาดื่มทันที ก่อนที่จะตาย
                “อ่า นึกว่าไม่รอดซะแล้ว” สมาน ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมกับยิ้มออกมากว้างๆ
                “ลืมซื้อน้ำเหรอ” ชายหนุ่ม ถามสมานที่กำลังหน้าตาตื่นรอดจากความตาย
                “ครับ วันนี้คิดอะไรเพลินไปหน่อย ลืมซื้อน้ำครับ” สมานตอบหน้าตายิ้มแย้ม
                “วันหน้าอย่าลืมอีกล่ะ เผื่อไม่โชคดีแบบวันนี้” ชายหนุ่ม เตือนสมาน
                “ครับ วันหน้าไม่ลืมแน่ๆ” สมานตอบรับ พร้อมกับล้วงกระเป๋าเพื่อเอาเงินมาจ่ายค่าน้ำ
                “นี่ครับ ค่าน้ำครับ” สมาน ยื่นเงิน 10 บาทให้ชายหนุ่ม
                “ไม่เป็นไรหรอก ถือว่าผมทำบุญละกันนะ” ชายหนุ่มยิ้ม แล้วบอกปัดไม่รับเงินค่าน้ำ
                “ขอบคุณมากครับ” สมาม ยิ้ม แล้วเก็บเงินเข้ากระเป๋า
                ชายหนุ่มลุกขึ้น แล้วก็หอบข้าวของ เอกสารเยอะแยะเดินจากไป สมานเดาว่า คนๆนี้ต้องมีอาชีพเป็นพนักงานเดินเอกสารแน่ๆ เพราะชุดที่มิดชิดบวกกับเอกสารที่เยอะขนาดนั้น ต้องใช่แน่ๆ
                สมานนั่งขอทานตลอดช่วงบ่ายที่ทางเข้าสวนสาธารณะ จนถึงประมาณบ่ายสี่โมง เขาก็ย้ายไปขอทานที่ตลาดแทน
                ในช่วงเย็น คือ ช่วงเวลาที่ผู้คนจะมาเดินตลาดกัน สมานรู้ดีว่าพวกแม่บ้านชอบทำบุญมากกว่าวัยรุ่น หรือพนักงานบริษัท จึงเลือกตลาดมากกว่าห้างสรรพสินค้าในช่วงเย็นแบบนี้ บางวันเขาก็ได้ข้าวเย็นโดยที่ไม่ต้องไปหาซื้อเอง เพราะแม่บ้านบางคนก็ใจดี ซื้ออาหารมาให้ทานเขาด้วย บางทีก็ได้เยอะจนกินคนเดียวไม่หมดแน่ๆ ต้องเอาไปแบ่งให้พวกขอทานที่พักอยู่ใกล้ๆกัน
                สมานเป็นที่รักของพวกขอทานที่อยู่ใกล้ๆกัน แม้ว่าเขาจะพึ่งเริ่มเป็นขอทานได้เพียงสามเดือน เขารู้จักแบ่งปัน มีน้ำใจ ชอบพูดคุยให้ข้อคิดดีๆในการหาทำเลนั่งขอทานด้วย
                เวลาผ่านไปอีกสามเดือน ตอนนี้สมานได้เป็นขอทานมาแล้วหกเดือน
                “วันนี้เป็นข้าวผัดนะสมาน” หญิงสาวที่ทำทานให้กับสมานที่หน้าวัด ทำอาหารเช้ามาให้สมาน
                “ขอบคุณครับคุณอิม” สมานยิ้ม แล้วก็รับข้าวผัดมาจากหญิงสาวที่ชื่อ อิม ที่ทำงานเป็นเลขาในบริษัทแห่งหนึ่ง ทั้งสองคนสนิทกันมากขึ้น เพราะเจอกันแทบทุกวัน อิมจะทำอาหารไปกินเองที่บริษัททุกวัน จึงทำมาเผื่อสมานทุกวันเช่นกัน เออ..ย้ำอีกครั้ง ทั้งคู่ก็ไม่ใช่คู่กันนะ อย่าเข้าใจผิดเป็นละครน้ำเน่า
                “อาหารของพี่หมู อร่อยทุกอย่าง อร่อยทุกวันจริงๆนะครับ” สมาน ไปซื้อข้าวราดแกงที่ร้านประจำ จนสนิทกับเจ้าของร้านอย่างมาก
                “โอย ของมันแน่นอนอยู่แล้วสมาน สูตรอาหารโบราณเลยนะ มีดัดแปลงบ้างนิดหน่อย แต่ก็อร่อยเหาะเหมือนเดิม” พี่หมู เจ้าของร้านข้าวราดแกงออกแอคชั่นน่าดู
                “งั้นวันนี้ผมเอาแกงเขียวหวานไก่ กับกุนเชียงละกันครับ เออ...เอาสองกล่องเลยนะครับ” สมาน สั่งข้าวเยอะกว่าทุกวันหนึ่งกล่อง
                “กินเยอะขึ้นเหรอสมาน ประหยัดๆหน่อยนะ ขอทานอย่างเราต้องไม่ฟุ่มเฟือยนะ” พี่หมูเตือนสมาน
                “ผมเอาไปเผื่อเพื่อนน่ะครับ ไม่ได้กินเอง เพื่อแนะนำร้านพี่หมูไงครับ” สมาน พูดแบบนี้ ทำให้พี่หมูได้แต่ยิ้ม
                “อืม อร่อยดีสมาน ซื้อที่ไหนเนี่ย” พนักงานเดินเอกสาร ตักข้าวที่สมานซื้อมาฝากเข้าปากคำแรก ถึงกับออกปากชมว่าอร่อยทันที
                “ร้านพี่หมู ใกล้ๆห้างฯน่ะครับพล” สมาน บอกกับพล พนักงานเดินเอกสาร
                “ดีๆ อร่อยแบบนี้ ต้องไปอุดหนุนบ่อยๆ” พล ท่าทางชอบมาก เพราะข้าวราดแกงของพี่หมูอร่อยจริงๆ
                สมานกับพลอายุไล่เลี่ยกัน และทั้งสองก็มักจะมาพักกินข้าวเที่ยงที่สวนสาธารณะด้วยกันบ่อยๆจนสนิทกัน
                ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน ทุกคนที่สมานรู้จักก็สนิทกันมากขึ้น
                “ทำไมถึงมาทำงานเป็นเลขาล่ะครับคุณอิม” สมาน มีโอกาสได้คุยกับอิม เลขาคนสวยถึงเหตุผลที่เลือกทำงานเลขา
                “ตอบไม่ได้ค่ะ ว่าทำไมถึงต้องมาเป็นเลขา ฉันสามารถตอบได้แค่ว่า ฉันรักงานนี้ และฉันสนุกที่ได้ทำหน้าที่นี้ค่ะ” อิมตอบด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ
                “ถ้ามีคนมาเสนอตำแหน่งสูงๆในบริษัทใหญ่ๆให้พี่หมู พี่หมูจะเลิกขายข้าวแกง แล้วไปทำหน้าที่ในบริษัทรึเปล่าครับ” สมาน ถามพี่หมูเจ้าของร้านข้าวแกง
                “สมาน แกไม่สบายรึเปล่า มาถามอะไรแปลกๆ แต่ก็จะตอบให้ละกัน ฉันไม่รับหรอก ถ้าฉันรับตำแหน่งนั้น แล้วใครจะทำอาหารให้คนพวกนี้กินล่ะ ดูสิ กินกันอย่างมีความสุข เห็นภาพแบบนี้แล้ว ทิ้งไม่ลงหรอก อีกอย่างนะ ฉันชอบทำอาหารมากกว่าเป็นเจ้านายคน” พี่หมูบอกกับสมาน
                “พล ทำไมนายถึงมาทำงานเป็นพนักงานเดินเอกสารเหรอ” สมาน กินข้าวเที่ยงพร้อมกัยบถามพล ที่นั่งกินข้าวอยู่ด้วยกัน
                “ฉันไม่ชอบอยู่กับที่ ฉันชอบเดินทางพบปะผู้คน ฉันว่ามันสนุกดีนะ” พล ตอบพร้อมทำท่าขี่มอเตอร์ไซต์
                คืนวันนั้น สมาน นอนคิดเรื่องที่ได้ถามทั้งสามคนอยู่บนสะพานลอย ว่าแต่ละคนก็มีความต้องการ ความชอบที่ต่างกันจริงๆ ระหว่างที่คิดอะไรเพลินๆอยู่นั่น...
                “ท่านคะ ครบเจ็ดเดือนที่ท่านขอพักผ่อนแล้วนะคะ ตอนนี้บริษัทของเราต้องการท่านมาก ท่านรีบกลับไปทำหน้าที่ประธานบริษัทเถอะค่ะ” สาวสวยในชุดแซกสีดำ ปรากฏตัวขึ้นพูดกับสมาน
                “เฮ้อออ ครบเจ็ดเดือนแล้วเหรอเนี่ย หนีความวุ่นวายในบริษัทมาเป็นขอทานแบบนี้ ไม่ได้ดูวันที่เลย ว่าผ่านมานานแค่ไหนแล้ว” สมาน นอนทำหน้าเบื่อหน่าย ขี้เกียจกลับไปเจอความวุ่นวายในบริษัท
                “กำลังเป็นขอทานสนุกเลยนะเนี่ย ได้รู้จักผู้คนในมุมต่างๆมากมาย ไม่ต้องเร่งรีบอะไร ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร แค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอ เฮ้อออ เอาก็เอา พรุ่งนี้เจอกันที่บริษัทนะคุณเจนสุดา กรรมการบริษัท ควบตำแหน่งเลขาชั่วคราวคนสวย” สมาน ตอบรับคำขอของเจนสุดา กลับไปทำงานในบริษัท
                “ค่ะ แล้วจะให้แม่บ้านทำความสะอาดห้องรอนะคะ” เจนสุดา บอกกับสมาน แล้วทำท่าจะเดินกลับทันที
                “เดี๋ยวก่อนคุณเจนสุดา พรุ่งนี้ผมจะพาเลขาคนสวยจิตใจดี แล้วก็พนักงานเดินเอกสารคู่ใจผมเข้าไปสมัครงานด้วยนะ ฝากให้ฝ่ายบุคคลเตรียมเอกสารรับสมัครให้ผมด้วย แล้วตอนเที่ยงช่วยนัดกรรมการบริษัททั้ง 7 คนให้ผมด้วย ผมจะพาไปกินข้าวที่ร้านพี่หมู อย่าลืมล่ะ” สมาน สั่งงานร่ายยาว ทำเอาเจนสุดาถึงกับ งง
                “เออ..อ๋อ ค่ะ” เจนสุดา ตอบรับคำสั่ง พร้อมกับรีบจดลงในสมุดบันทึก

ความคิดเห็น