ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 51 (เร่ื่องสั้น) ... ปล้น



ณ ปี พ.ศ. 255อืม น้อยไป เอาใหม่

ณ ปี พ.ศ. 25xx อืม ก็ยังดูน้อยไปอยู่นะ เอาใหม่ดีกว่า

ณ ปี พ.ศ. 2xxx อืม ดูเยอะดีแล้วนะ แต่จะพอหรือเปล่าก็ไม่รู้ เอาแบบนี้ดีกว่า

     ณ ปีพุทธศักราชหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าปีพุทธศักราชที่เท่าไหร่ โลกของเรามีความวุ่นวายทางด้านมิติเวลาเป็นอย่างมาก คนจากโลกอนาคตสามารถเดินทางสู่โลกอดีตได้ และคนจากโลกอดีตก็สามารถเดินทางสู่โลกอนาคตได้เช่นกัน วิวัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างมาก ขนาดพี่มากพระโขนง ยังข้ามมาโลกอนาคต แล้วก็ข้ามจากโลกอนาคตไปหานางนาคตอนที่ยังไม่ตาย แล้วก็พานางนาคข้ามมาอยู่ในโลกอนาคตซะงั้น ตำนานแม่นาคพระโขนง จึงหายไปจากตำนานของไทยในที่สุด

     แต่ในความวุ่นวายของวิวัฒนาการ ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังไม่พัฒนาไปไหนเลย นั่นก็คือ ความเลื่อมล้ำทางสังคม หรือความเลื่อมล้ำของรายได้นั่นเอง ที่ยังคงแบ่งคนรวย คนพอมีกิน และคนจนออกจากกันอย่างชัดเจน โดยที่มีคนพยายามแก้ไขมาตลอดหลายสิบ หลายร้อยปี แต่ก็ดูจะไม่เคยสำเร็จเลย คนรวยก็รวยขึ้นเรื่อยๆ คนจนก็จนเหมือนเดิม เพราะคงจนกว่าเดิมไม่ได้แล้วล่ะ

     และด้วยความแตกต่างทางสังคมที่แก้ไม่หายนี่เอง จึงทำให้คนที่ต้องการสบาย มีเงินใช้ ต้องฉกชิง วิ่งราว ขโมยของไปใช้ ไปขาย รวมไปถึงคิดการใหญ่ด้วยการปล้น เผื่อว่าถ้าหนีพ้นการจับกุม ก็คงมีโอกาสได้ใช้เงินสบายๆกันล่ะ

     "เร็วๆ มีเท่าไหร่ใส่มาให้หมด เคาเตอร์โน้นด้วย ไปขนมาใส่เดี๋ยวนี้" ชายคนหนึ่ง ซึ่งในที่นี้ขอเรียกเขาว่า คนร้าย ได้บุกปล้นธนาคารแห่งหนึ่ง โดยตอนนี้เขาได้สั้งให้พนักงานธนาคารเอาเงินใส่ในตู้เซฟแคปซูลของเขาให้หมด

     "หมดรึยังๆ หมดแล้วใช่มั้ย" คนร้ายท่าทางร้อนรน ถามพนักงานธนาคารที่เป็นคนหยิบเงินใส่ตู้เซฟแคปซูล

     "หมดแล้วครับ ไม่เหลือเลย" พนักงานธนาคารรีบตอบคนร้ายด้วยความกลัว

     "ดีมาก ขอบใจที่ใช้บริการ" คนร้ายเล่นมุขตลกร้ายใส่พนักงานธนาคาร แล้วก็กดตู้เซฟแคปซูล เพื่อให้ตู้เซฟกลายเป็นแคปซูล จะได้เอาใส่กระเป๋าหนีได้สะดวกขึ้น

     "บรึ้มมมม..." คนร้ายกดปุ่มเพื่อให้ตู้เซฟกลายเป็นแคปซูล ตู้เซฟระเบิดควันโขมง แล้วก็กลายเป็นแคปซูลในที่สุด แต่เอ๊ะ พอระเบิดแล้ว แคปซูลหายไปไหน คนร้ายตกใจรีบมองหาแคปซูล

     "ของราคาถูกนี่ มันก็คุณภาพตามราคาจริงๆเลย ระเบิดเสร็จแทนที่จะอยู่กับที่ ดันระเบิดเสร็จกระเด็นไปไหนแล้วเนี่ย" คนร้ายบ่นกับตัวเอง โดยที่พนักงานธนาคารได้แต่มองแล้วแอบขำ

     "นี่ พนักงาน ช่วยมองหาแคปซูลหน่อย ว่ามันระเบิดแล้วกระเด็นไปไหน ถ้าไม่ช่วยหา เดี๋ยวได้เป็นเหมือน รปภ. คนนั้นแน่ๆ" คนร้ายขู่พนักงานธนาคารให้ช่วยหาแคปซูล ไม่งั้นจะต้องแข็งทื่อด้วยปืนแช่แข็งรุ่นใหม่ (แต่ก็แอบราคาถูก) ที่คนโดนยิงจะแข็งทื่อเป็นตอไม้ภายใน 3 วินาที และจะแข็งอยู่นานถึง 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว แต่ถึงแม้จะแข็งทื่อเป็นตอไม้ แต่ระบบภายในของร่างกายก็ยังทำงานเป็นปกติ ถ้าปวดฉี่ ปวดท้องขึ้นมา ก็ต้องปล่อยมันตรงนั้นเลย น่าอับอายเป็นอย่างยิ่ง

     "โน้นครับ กระเด็นไปอยู่ตรงเก้าอี้สีฟ้าตัวที่สองครับ" พนักงานธนาคารกลัวอย่างมาก กลัวจะโดนคนร้ายยิงปืนแช่แข็งใส่ เพราะตอนนี้เขากำลังปวดท้องอยู่ด้วย จึงรีบมองหา และบอกคนร้ายทันที

     "ขอบคุณครับ" ถึงจะเป็นคนร้าย แต่ก็ยังมีความเป็นคนดีอยู่ในตัว เมื่อมีคนช่วยเหลือ ก็ต้องขอบคุณ แหม ช่างเป็นคนร้ายที่นิสัยดีจริงๆ

     คนร้ายรีบหยิบแคปซูล แล้วหนีออกจากธนาคารไปทันที

     พนักงานธนาคารเห็นคนร้ายออกจากธนาคารไปแล้ว ก็รีบไปแจ้งตำรวจทันที โดยธนาคารในยุคนี้จะมีระบบพิเศษที่เรียกว่า ประตูวาร์ป ติดตั้งอยู่ทุกธนาคาร ถ้าคนร้ายโชคร้ายในขณะที่เข้าไปปล้นนั้น ในธนาคารมีพนักงานอยู่หลายคน คนร้ายก็อาจจะโดนตำรวจจับเอาง่ายๆได้ ถ้ามีพนักงานคนใดคนหนึ่งใช้ประตูวาร์ปไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจได้ทันท่วงที เพราะตำรวจก็จะวาร์ปมายังธนาคารได้ทันที แต่ก็ถือว่าโชคดีสำหรับคนร้ายคนล่าสุดนี้ ที่ในตอนที่ไปปล้น เหลือพนักงานอยู่เพียงคนเดียว

     "ไปๆ ตามจับมันมาให้ได้ ท้องที่เราไม่เคยมีใครรอดพ้นฝีมือตำรวจขั้นเทพอย่างพวกคุณไปได้แม้แต่คนเดียว อย่าทำพลาดกันล่ะ" สารวัตรได้รับแจ้งความจากพนักงานธนาคาร ก็สั่งให้ลูกน้องรีบออกตามจับตัวคนร้ายทันที โดยตำรวจที่ออกทำหน้าที่ในครั้งนี้ได้ข้ามประตูวาร์ปของทางธนาคารมาพร้อมกับเทคโนโลยีชั้นสูงของสมัยนั้น

     "โซนิค วิ่งตามกดดัน ถ้าจับได้ก็จับเลย ถ้าจับไม่ได้ก็ไล่ต้อนให้จนมุม เลเซอร์ บิดให้มิด พยายามแซงแล้วดักหน้ามันให้ได้ หรือไม่ก็ชนให้ล้มเลย วิหค บินดูคนร้ายว่าอยู่ตรงไหน แล้วแจ้งให้เพื่อนๆรู้ด้วย แต่ถ้าจับได้ก็จับเลย และสุดท้าย เออ...ไอ้ผี ตามไปเรื่อยๆ และตะครุบตัวคนร้ายเลย เฮ้อ ใครตั้งชื่อคนสุดท้ายเนี้ย เล่นซะหมดความเท่เลย" ตำรวจที่สั่งการอยู่นี้ ขอเรียกว่า กัปตัน

     "โล่กูอยู่ไหน" เฮ้ย ไม่ใช่ กัปตันอเมริกา

     "ผ่านมาทางนี้เมื่อไหร่ ให้เธอเข้ามาทักทายบ้าง..." เฮ้ย ไม่ใช่ กัปตัน ภูธเนศ

     "ออกตามหาเรือแบล็คเพิร์ลกันเถอะ" โว๊ะ ไม่ใช่ กัปตันแจ็ค สแปร์โรว์ พอดิๆ เดี๋ยวยาว ไม่ใช่กัปตันอะไรทั้งนั้น กัปตันในที่นี้หมายถึง ผู้นำ เข้าใจตรงกันนะ

     "รับทราบครับ" ลูกน้องของกัปตันทั้งสี่คนขานรับคำสั่ง

     "เออ...กัปตันครับ ทำไมเราไม่เอาเทคโนโลยีของทั้งสี่คนมารวมกันเลยล่ะครับ เราจะได้สุดยอดตำรวจ หรือไอ้จ้อนแมนอีกคนเลยนะครับ" หนึ่งในสี่คนที่กำลังจะออกตามจับคนร้ายถามกัปตัน

     "ก็ถ้าเราเอารวมกัน แล้วกลายเป็นไอ้จ้อนแมน งั้นไอ้จ้อนแมนก็ตกงานสิ จริงมั้ยแล้วอีกข้อที่สำคัญคือ ถ้าเรารวมกันแล้ว แล้วคนเขียนมันจะเขียนอะไรล่ะ" กัปตันอธิบายให้ลูกน้องฟัง

     "เออเนอะ จริงด้วย ไปๆ พวกเราไปตามจับคนร้ายกันเถอะ" ลูกน้องคนที่ถามกัปตันได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจแล้ว ก็บอกให้เพื่อนๆออกตามจับคนร้ายกันได้แล้ว

     ทั้งสี่คนแยกย้ายกันไปตามจับคนร้ายตามที่กัปตันสั่ง โดยคนที่ไปถึงตัวคนร้ายเป็นคนแรกคือ วิหค เพราะเขาบินไป จึงทำให้เจอตัวคนร้ายเร็วที่สุด

     "ซิ่งหนีออกนอกเมืองเลยเหรอ นึกว่าจะหลบซ่อนภายในที่กบดานก่อนซะอีก ใจกล้าไม่เบานะเราน่ะ" วิหค พูดกับคนร้าย

     "ทีแรกผมก็ว่าจะหลบไปที่ที่พักเพื่อกบดานก่อนเหมือนกันนะ แต่คิดไปคิดมา ผมว่าผมหลบไปก็เท่านั้นแหละ เพราะพวกคุณมีเทคโนโลยีติดตามคลื่นความตื่นเต้นที่ล้ำสมัยซะขนาดนั้น หลบไปก็โดนเจอตัวอยู่ดี สู้พยายามหนีออกจากท้องที่ของพวกคุณน่าจะดีกว่า แต่น่าเสียดายที่มอเตอร์ไซต์บินของผมมันเก่าไปหน่อย แรงอัดอากาศเลยแรงไม่พอจะหนี แล้วในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ผมก็คงต้องสู้ จัดการตำรวจชื่อดังอย่างพวกคุณแล้วล่ะ" คนร้ายพูดไป ยิ้มไป

     "อะไรนะ หนีไม่ได้ หนีไม่พ้น ก็เลยจะจัดการพวกเราแทนงั้นแหรอ นี่แกบ้า หรือเมากันแน่ ที่กล้าพูดแบบนั้น" วิหค ขำคำพูดของคนร้าย

     "ลองดูมั้ยล่ะครับ" คนร้ายท้าทายวิหคซึ่งๆหน้า

     วิหคได้ยินดังนั้นก็ยิงปืนตาข่ายไฟฟ้าใส่คนร้ายทันที แต่คนร้ายก็หลบได้ทัน และยิงปืนแช่แข็งใส่วิหคทันทีเหมือนกัน

     วิหคหลบได้ ก็รีบใช้ปีกไอพ่นเทคโนโลยีรุ่นใหม่ในการบิน บินขึ้นไปบนฟ้าทันที เพราะวิหคคิดว่าสู้กันซึ่งๆหน้าคงลำบาก เพราะคนร้ายคนนี้ไม่ธรรมดา เป็นคนมีฝีมือในการต่อสู้พอตัวเลยทีเดียว บวกกับที่จริงๆแล้วเขามีหน้าที่ในการติดตามมากกว่าเข้าจู่โจมจับกุมเหมือนอีกสามคนที่เหลือ วิหครีบส่งสัญญาณให้อีกสามคนรู้ว่า คนร้ายอยู่ตรงไหน เพื่อให้รีบมาจับตัวคนร้าย

     "มาได้ไกลเหมือนกันนะ แต่ก็คงจบอยู่แค่นี้แหละ ยอมมอบตัวซะดีๆ จะได้ไม่เจ็บตัว" โซนิค และเลเซอร์ มาถึงในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน โดยที่โซนิคนั้นมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า ขาจรวด ที่สามารถทำให้วิ่งเร็ว และกระโดดได้ไกลได้กว่าคนธรรมดาหลายเท่า โดยสามารถเร่งความเร็วในการออกตัวได้ถึง 100 เมตรต่อ 3 วินาที ส่วนเลเซอร์ จะมีรถมอเตอร์ไซต์บินที่เหมือนกับคนร้าย แต่รถของเลเซอร์เป็นรุ่นใหม่ และสั่งทำพิเศษมีใช้เฉพาะตำรวจ โดยสามารถเร่งความเร็วในการออกตัวได้ถึง 100 เมตรต่อ 2 วินาที ทางด้านวิหค ก็มีปีกไอพ่นที่สามารถเร่งความเร็วในการออกตัวได้ถึง 100 เมตรต่อ 1 วินาทีเลยทีเดียว เรียกได้ว่า แทบจะหายตัวกันได้เลยทีเดียว

     "ผมมาได้ไกลขนาดนี้ แล้วผมก็จะไปให้ไกลกว่านี้อีก พวกคุณจับผมไม่ได้หรอก" คนร้ายท้าทายทั้งสามคน

     "กล้ามากที่พูดแบบนี้" โซนิค พูดขึ้นพร้อมกับตั้งท่าจะวิ่งเข้าใส่คนร้ายที่อยู่ห่างเพียง 10 เมตรเท่านั้น ซึ่งระยะเท่านี้ ก็อาจจะเหมือนโซนิคหายตัวเข้าไปจับคนร้ายได้เลย

     "พรึ่บ" โซนิควิ่งเข้าไปจับคนร้ายด้วยความเร็วสูงสุด เพื่อที่คนร้ายจะได้ไม่ทันหลบ แต่เขาก็พลาดอย่างไม่น่าเชื่อ

     "ทำอะไรเหรอครับคุณตำรวจ ผมอยู่นี้ มาจับสิครับ" คนร้ายยิ้มอย่างผู้ชนะ และเขาก็ยังยืนอยู่ห่างจากโซนิค 10 เมตรเท่าเดิม

     "อะไรกัน ไม่น่าเชื่อ นี่แกทำอะไรกันแน่ ฉันว่าฉันพุ่งตัวออกไปแล้วนะ ไม่ได้หยุดอยู่กับที่" โซนิค ไม่เข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

     "พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ" โซนิค พยายามพุ่งเข้าหาคนร้ายอีกสามครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล คนร้ายยังคงยืนยิ้ม และอยู่ห่างจากเขา 10 เมตรเท่าเดิม

     "ถอยไปโซนิค ของฉันลองบ้าง" เลเซอร์ ซึ่งมีรถที่มีความเร็วในการออกตัวเร็วกว่าโซนิคขอลองบ้าง

     "พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ" เลเซอร์ ที่พยายามบิดมอเตอร์ไซต์เข้าชนคนร้าย ก็ไม่สามารถขับชนได้เหมือนกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น

     วิหค ซึ่งบินอยู่บนฟ้าเห็นเพื่อนทั้งสองคนขยับไปข้างหน้า แต่ก็วนกลับมาที่เดิม เหมือนทั้งสองคนจะวิ่งผ่านประตูมิติอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่เขาก็มองไม่เห็นขอบของประตูมิติเลย เขาจึงตัดสินใจขอลองบินเข้าไปจับคนร้ายดูบ้าง เพราะเทคโนโลยีของเขา มีความเร็วที่สุดในสามคนนี้แล้ว

     "พรึ่บ พรึ่บ" วิหค บินเข้าไปหาคนร้ายแค่สองครั้งก็หยุด เพราะเขาคิดว่าคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องพยายาม เพียงแต่เขาไม่เข้าใจเท่านั้นว่าเพราะอะไร พวกเขาทั้งสามคน ถึงเข้าไปจับคนร้ายไม่ได้ และนี่มันเทคโนโลยีอะไรกัน ที่ทำให้พวกเขาเข้าใกล้คนร้ายไม่ได้เลย

     "เอ้าๆ งง ล่ะสิครับ ว่าทำไมเข้ามาจับผมไม่ได้" คนร้ายทำท่าทางสบายๆ เยาะเย้ยตำรวจทั้งสามคน

     "เข้าไปจับเป็นไม่ได้ ก็ยิงทิ้งเลยละกัน" เลเซอร์ โมโหมาก บอกให้เพื่อนอีกสองคนยิงคนร้ายจับตายเลยก็แล้วกัน

     "ปังๆๆๆ...พรึ่บๆๆๆ ปรี๊ดดดดด...พรึ่บบบบบบ" โซนิค และวิหค ยิงปืนพกรุ่นใหม่ ที่สร้างกระสุนจากละอองน้ำในอากาศผสมกับความร้อนจากพระอาทิตย์เข้าใส่คนร้าย แต่ก็ไร้ผล เพราะกระสุนวิ่งเข้าไปที่คนร้าย แล้วก็หายไปซะเฉยๆ ส่วนเลเซอร์ ก็ยิงปืนเลเซอร์ความร้อนสูงเข้าใส่คนร้าย แต่ผลก็เหมือนกัน คือเลเซอร์มันหายไปซะเฉยๆก่อนจะถึงตัวคนร้าย ทำให้ทั้งสามคนเริ่มหมดหนทางจะจับคนร้ายแล้ว

     "ยอมแพ้กันแล้วล่ะสิ ทีนี้ตาผมบ้างแล้วนะ" คนร้ายพูดจบ ก็ยกมือขึ้นมา แล้วพนมมือไว้ ก่อนจะท่องคาถาอะไรสักอย่าง แล้วร่างของเขาก็ค่อยๆหายไป

     "อะไรกัน!!!" ทั้งสามคนตกใจพูดพร้อมกัน ที่อยู่ๆคนร้ายก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตา

     "แกนี่ ร้ายกาจไม่เบาเลยนะ มีทั้งเทคโนโลยีจากอนาคต และวิชามนต์ดำจากอดีต" ชายคนหนึ่งพูดขึ้น พร้อมกับถือไม้คมแฝกมาด้วย

     "ผัวะ!!!" ชายคนที่อยู่ๆก็มาปรากฏตัวต่อหน้าตำรวจทั้งสามคน และคนร้าย เอาไม้คมแฝกฟาดเข้าไปที่คนร้ายอย่างจัง จนคนร้ายต้องคลายมนต์หายตัว

     "ยังคงร้ายกาจเหมือนเดิมนะครับ ไอ้จ้อนแมน ตามผมทันจนได้ รู้ว่าผมมีเทคโนโลยีอะไร และรู้ว่าผมมีมนต์ดำที่ร่ำเรียนมาจากอดีตอีก" คนร้ายยอมรับในฝีมือ และความรอบรู้ของไอ้จ้อนแมน แต่เขาก็ไม่ยอมโดนจับง่ายๆแน่

     "เทคโนโลยีบาเรียระดับ 7 ดาวสินะ ที่แกใช้อยู่ ไม่น่าเชื่อว่าแกจะหามาใช้ได้ เพราะราคามันแพงน่าดู นี่แกคงปล้นมาหลายที่ หลายมิติเวลาแล้วสินะ บาเรียที่มีประตูมิติซ้อนกันถึง 7 ชั้น สามารถป้องกันวัตถุที่มีความเร็วเกิน 100 เมตรต่อ 10 วินาทีได้ ถ้ามีวัตถุอะไรที่เร็วกว่านั้นวิ่งมาชนบาเรียแก มันก็จะวาร์ปส่งจากประตูมิติที่ใกล้ตัวแกที่สุด ไปโผล่ที่ระตูมิติที่ห่างที่สุด มันเป็นเทคโนโลยีที่เอาไว้สกัดกั้นจรวด ให้มันบินวนไปวนมาจนเชื้อเพลิงหมดสินะ ไหนจะความสามารถป้องกันอาวุธที่มีความร้อนเกิน 50 องศาอีก ถ้ามีวัตถุอะไรที่ร้อนเกิน 50 องศาวิ่งไปชนบาเรียแก มันก็จะโดนสลายไปได้ในพริบตา เรียกได้ว่า เป็นบาเรียที่สมบูรณ์แบบทีเดียว แต่น่าเสียดาย ป้องกันไม้คมแฝกของฉันไม่ได้" ไอ้จ้อนแมน อธิบายถึงเทคโนโลยีที่คนร้ายใช้อยู่ จนตำรวจทั้งสามคนอึ้งไปเลย

     "ถูกต้องนะคร้าบบบบ ผมปล้นมาแล้วหลายที่ หลายมิติเวลา แล้วตอนนี้ผมว่าผมจะเลิกปล้นแล้วล่ะ เพราะผมได้เงินเป็นที่น่าพอใจแล้ว กำลังจะกลับไปอยู่ในอดีตอย่างมหาเศรษฐี แต่พวกคุณมาขัดขวางผมแบบนี้ งั้นผมก็ต้องขอจัดการพวกคุณเป็นการทิ้งท้าย ก่อนจะวางมือเลิกปล้นก็แล้วกันนะครับ" คนร้ายพูดจบ ก็หยิบเข็มฉีดยาสีเขียวออกมา โดยข้างๆเข็มฉีดยาเขียนไว้ว่า นักรบเทพระดับ 10

     "แย่แล้ว ถ้าคนร้ายแปลงร่างเป็นนักรบเทพระดับ 10 ได้ ผมก็คงรับมือลำบากแน่ๆ พวกคุณรีบช่วยผมจัดการคนร้ายเร็วเข้า วิ่งเข้าไปจัดการเขาด้วยความเร็วปกตินะ จะได้ไม่โดนวาร์ป" ไอ้จ้อนแมนรีบขอให้ตำรวจทั้งสามคนช่วย

     "ไม่ทันหรอก" คนร้ายกำลังจะเอาเข็มฉีดยาแทงที่แขนตัวเอง เพื่อแปลงร่างให้กลายเป็นนักรบเทพระดับ 10 แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจ เมื่ออยู่ๆเข็มฉีดยาถูกปัดกระเด็นไป

     "อะไรกัน!!!" คนร้ายตกใจอย่างมาก ได้แต่ยืนงงอยู่ระยะหนึ่ง

     "คนที่ใช้มนต์ดำได้ ไม่ได้มีแต่คุณคนเดียวนะครับ" ชายคนหนึ่งพูดขึ้นใกล้ๆตัวของคนร้าย เขาคือ ไอ้ผีนั่นเอง ด้วยความสามารถที่เขามีมนต์ดำหายตัวได้ เขาถึงได้รับฉายาว่า ไอ้ผีนั่นเอง

     "ลูก...กินข้าวได้แล้วครับ กับข้าวเสร็จแล้ว ร้อนๆเลย" แม่เรียกผมกินข้าวซะแล้ว เอาไว้ค่อยมาต่อตอนจบระหว่าง คนร้ายฝีมือเด็ด กับไอ้จ้อนแมน และตำรวจอีกสี่คนทีหลังนะครับ

     ผมออกจากห้องของตัวเองแล้วปิดประตู โดยที่ประตูหน้าห้องของผมมีป้ายติด แล้วเขียนว่า "สตีเฟ้น สปีดเบิก"

ความคิดเห็น