ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 33 (เรื่องสั้น) ... จอมโจรหน้าเปื้อนยิ้ม



                “นี่ก็รายที่สองแล้วนะครับ สองวันมานี้มีคดีขโมยขึ้นบ้านสองวันติดกันเลยครับ ตั้งแต่สารวัตรถูกย้ายไปประจำที่ สน.อื่นเมื่อวันก่อน ก็มีโจรออกขโมยของทันทีเลย เหมือนว่ามันจ้องรอจังหวะนี้อยู่ครับ” นายตำรวจคนหนึ่งโทรศัพท์คุยกับสารวัตรคนเก่าที่พึ่งโดนย้ายให้ไปประจำที่ สน.อื่น
                “หมู่บ้านเราก็ไม่ได้ใหญ่มาก ปกติก็อยู่กันแบบพี่น้อง แล้วโจรคนนี้มันจะเป็นใครกันนะ ผมคิดว่าไม่แน่อาจจะเป็นคนนอกหมู่บ้านก็ได้นะ แล้วว่าแต่มันขโมยบ้านใครบ้าง แล้วได้อะไรไปบ้าง” สารวัตรคนเก่าได้สอบถามลูกน้องเก่าของเขาอย่างเป็นห่วง
                “ก็มีบ้านนายแดงเมื่อคืนก่อน ได้หม้อใบใหญ่ไป ใบ แล้วล่าสุดเมื่อคืนนี้ก็เป็นบ้านลุงศร มันได้เสื่อกับมุ้งไปครับ ดูจากของที่มันขโมย เหมือนมันจะเอาไปสร้างเนื้อสร้างตัวยังไงก็ไม่รู้นะครับ” นายตำรวจ บอกถึงรายละเอียดที่ชาวบ้านถูกขโมยของไป
                “เออเนอะ มันก็ขโมยอะไรแปลกจริงๆ แต่ละอย่างที่มันขโมยไป มูลค่าก็ไม่ได้มากมายอะไรเลย แล้วพอจะมีหลักฐานอะไรที่พอจะเชื่อมโยงกับไอ้โจรคนนั้นได้บ้างรึเปล่า” สารวัตรคนเก่าพยายามช่วยเหลือลูกน้องเก่าของเขา
                “มีครับ จากการที่ชาวบ้านมาแจ้งความ ทั้งสองคนได้นำกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้เป็นหลักฐานครับ ซึ่งในกระดาษแผ่นนั้นจะเป็นรูปตัวการ์ตูนยิ้มครับ” นายตำรวจ ถือหลักฐานชิ้นเดียวที่ขโมยทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าไว้ในมือ
                “ส่งแฟกซ์มาให้ผมดูหน่อย” สารวัตรคนเก่า ขอให้ลูกน้องเก่าของเขาส่งหลักฐานมาให้ดู เพื่อช่วยเหลืออย่างเต็มที่
                “อืม รูปแบบนี้นี่เอง หัวขโมยมันกล้ามากเลย พอผมโดนสั่งย้ายออกมา มันก็เริ่มออกขโมยของชาวบ้านทันที จากหลักฐานชิ้นเดียวที่มันทิ้งไว้ให้ดู ผมขอเรียกมันว่า จอมโจรหน้าเปื้อนยิ้ม” หลังจากที่นายตำรวจลูกน้องเก่าของเขาส่งแฟกซ์ให้ดู เขาก็ได้พิจารณาแล้วตั้งฉายาให้หัวขโมยทันที
                “โห จอมโจรหน้าเปื้อนยิ้ม เลยเหรอครับ ฟังดูอลังการเกินไปรึเปล่าครับท่าน” นายตำรวจทำหน้าตางุนงง กับฉายาที่สารวัตรคนเก่าตั้งให้กับหัวขโมย
                “เอาน่า ฟังดูไม่น่ากลัวดีออก” สารวัตรคนเก่า ไม่อยากให้ลูกน้องของเขาต้องเครียด เลยตั้งฉายาหัวขโมยให้ฟังดูผ่อนคลาย
                ณ หมู่บ้านไกลปืนเที่ยงแห่งหนึ่ง ซึ่งมีความสงบสุขอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แต่ก็ไม่ห่างไกลเทคโนโลยีเกินไปนัก มีผู้คนอยู่อาศัยกันประมาณ 50 ครัวเรือน ที่นี่อยู่กันแบบพี่น้อง ถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่ค่อยมีเรื่องรุนแรงอะไรเกิดขึ้น ผู้คนในหมู่บ้านแทบจะรู้จักกันหมด เพราะมีผู้ใหญ่บ้านที่ดี เรียกประชุมกันบ่อยๆ จนทำให้หมู่บ้านเข้มแข็งน่าอยู่
                หมู่บ้านนี้มีสถานีตำรวจอยู่หนึ่งแห่ง คอยให้ความช่วยเหลือชาวบ้านเวลามีเรื่องรุนแรงเกิดขึ้น แต่ก็อย่างที่บอกไปข้างต้น หมู่บ้านนี้ไม่ค่อยมีเรื่องรุนแรงเกิดขึ้นสักเท่าไหร่นัก อย่างมากก็ทะเลาะกันนิดๆหน่อยๆเพราะสุราเป็นเหตุ ตำรวจก็จับแยกกัน พอหายเมาก็กลายเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ส่วนพวกลักเล็กขโมยน้อยก็มีให้เห็นบ้าง แต่ก็ไม่มาก ส่วนมากก็ยอมความกันได้
                สถานีตำรวจมีสารวัตรที่มากความสามารถประจำอยู่ คอยช่วยเหลือหมู่บ้านให้มีความสงบสุขมายาวนาน จนวันหนึ่งทางกรมตำรวจเห็นว่า สารวัตรท่านนี้มีความสามารถมากเกินที่จะอยู่ในหมู่บ้านที่ค่อนข้างสงบสุขแห่งนี้
                กรมตำรวจเสียดายความสามารถของสารวัตรที่แทบจะไม่ได้แสดงฝีมืออะไรเลย จึงมีคำสั่งให้ย้ายสารวัตรไปประจำที่ สน.อื่น ที่เหมาะกับความสามารถมากกว่านี้ และได้สั่งย้ายสารวัตรหนุ่มไฟแรงคนใหม่ ให้มาประจำที่ สน.นี้แทน ซึ่งจะเดินทางมาภายใน 7 วัน
                แต่เรื่องราววุ่นๆกลับเกิดขึ้นทันที เมื่อสารวัตรคนเก่าได้ย้ายออกจาก สน. เมื่อมีหัวขโมยออกขโมยข้าวของ ของชาวบ้านทันทีในคืนแรกที่สารวัตรย้ายออกไป
                โดยในคืนแรกหัวขโมยได้ไปขโมยหม้อใบใหญ่ที่บ้านของนายแดง และในคืนที่สองก็ได้ไปขโมยเสื่อ และมุ้งที่บ้านของลุงศร เท่านั้นยังไม่พอ หลังจากที่ขโมยของไปแล้ว ยังทิ้งกระดาษเอาไว้หนึ่งแผ่น ในกระดาษแผ่นนั้นเป็นรูปตัวการ์ตูนยิ้มอยู่ หลังจากนายตำรวจได้โทรไปปรึกษาสารวัตรคนเก่าแล้ว หัวขโมยก็ได้ฉายาทันทีว่า จอมโจรหน้าเปื้อนยิ้ม
                “คืนนี้ทางตำรวจจะกระจายกำลังกันออกสอดส่องตามพื้นที่ต่างๆในหมู่บ้านนะครับ ขอให้ชาวบ้านที่ไม่มีเรื่องอะไรจำเป็นนอกบ้าน อยู่แต่ในบ้าน และปิดประตู หน้าต่างให้มิดชิดนะครับ เพราะตอนนี้เราไม่รู้ว่า หัวขโมยจะไปขโมยของที่บ้านใคร เราต้องดูแลตัวเองกันด้วยนะครับ” นายตำรวจ บอกกับชาวบ้าน ณ ลานการประชุมของหมู่บ้าน หลังจากที่ผู้ใหญ่บ้านได้เรียกชาวบ้านให้ออกมาประชุมเร่งด่วน
                “แต่ก็ยังดีนะครับ ที่หัวขโมยรายนี้ไม่ทำร้ายเจ้าของบ้านด้วย ไม่งั้นทุกคนคงจะกลัวกันมากกว่านี้” ผู้ใหญ่บ้าน พูดคุยกับนายตำรวจ
                “เราก็ยังไว้ใจไม่ได้หรอกครับ เพราะที่ผ่านมาหัวขโมยอาจจะไม่เจอเจ้าของบ้านจังๆก็ได้ ถ้าสมมุติว่ามันเจอเจ้าของบ้านจังๆ มันอาจจะทำร้ายเจ้าของบ้านด้วยก็ได้นะครับ” นายตำรวจ เป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดเหตุรุนแรง
                “นี่ถ้าสารวัตรคนเก่ายังอยู่ล่ะก็นะ คืนนี้หัวขโมยคงไม่รอด โดนจับแน่ๆ” เสียงของชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้นมา
                “แล้วสารวัตรคนใหม่ จะมาเมื่อไหร่คะ” หญิงสาวคนหนึ่ง ถามกับนายตำรวจ
                “ทางกรมตำรวจแจ้งว่า จะมาภายใน 7 วันนะครับ ตอนนี้ก็ผ่านไป 2 วันแล้ว เหลืออีก 5 วัน เราอาจจะจับหัวขโมยได้ก่อนที่สารวัตรคนใหม่จะมาก็ได้นะครับ” นายตำรวจบอกกับชาวบ้านทุกคน
                “แล้วนายตำรวจได้ปรึกษาสารวัตรคนเก่าบ้างรึเปล่าครับ เผื่อท่านจะช่วยให้คำแนะนำอะไรได้” ผู้ใหญ้บ้าน ถามนายตำรวจ
                “ผมโทรไปเล่า และปรึกษาท่านแล้วครับ ตอนนี้ท่านรู้เรื่องทุกอย่าง และเป็นห่วงหมู่บ้านมาก แล้วท่านได้พูดถึงหัวขโมยรายนี้ด้วยนะครับ” นายตำรวจพูดจบก็ยิ้ม ทำให้ชาวบ้านเกิดความสงสัย
                “นายตำรวจยิ้มทำไมครับ ท่านสารวัตรพูดถึงหัวขโมยว่ายังไงเหรอครับ” ชาวบ้านคนหนึ่งสงสัยในรอยยิ้มของนายตำรวจ
                “ท่านบอกว่า ไม่อยากให้ทุกคนเครียดครับ ท่านเลยตั้งฉายาให้หัวขโมยที่ทิ้งกระดาษหนึ่งแผ่นที่เป็นรูปตัวการ์ตูนยิ้มว่า จอมโจรหน้าเปื้อนยิ้ม” จบประโยคที่นายตำรวจพูด ทุกคนต่างยิ้มกันหมด เพราะฟังดูแล้วไม่น่ากลัวเลยสักนิด แถมยังรู้สึกว่าเป็นจอมโจรกระจอกๆอีกต่างหาก
                “เอาล่ะครับ คืนนี้เราต้องจับจอมโจรหน้าเปื้อนยิ้มให้ได้ ขอให้ชาวบ้านทุกคนให้ความร่วมมือกันด้วยนะครับ” นายตำรวจ บอกกับชาวบ้านทุกคน แล้วก็เลิกประชุมกันไป
                “สุดท้ายก็ยังจับไม่ได้ ไม่รู้ว่ามันเล็ดลอดเข้าไปขโมยของอีกได้ยังไง ทั้งๆที่เราก็กระจายกำลังกันออกสอดส่องกันอย่างดีแล้วนะครับ” นายตำรวจ โทรศัพท์ปรึกษากับสารวัตรคนเก่าอีกครั้ง หลังจากที่เมื่อคืนนี้ พลาดท่าให้กับจอมโจรหน้าเปื้อนยิ้มอีกจนได้ โดยเมื่อคืนนี้จอมโจรหน้าเปื้อนยิ้มได้ไปขโมยเครื่องตัดหญ้าที่ใต้ถุนบ้านของลุงอ่ำ
                “ผมว่ามันต้องมีหลักการ และลำดับในการขโมยนะ เพราะดูจากของที่มันขโมยแล้ว มูลค่าก็ไม่ได้มากอะไรเลย มันจะขโมยไปทำไม ผมว่ามันไม่ได้ขโมยมั่วๆแบบบ้านใครปลอดคนก็เข้าไปขโมยอะไรแบบนั้น” สารวัตรคนเก่า เริ่มตั้งข้อสังเกต
                “แล้วมันน่าจะมีหลักการยังไงล่ะครับท่านสารวัตร” นายตำรวจ ผู้ด้อยความสามารถยังคิดตามสารวัตรคนเก่าไม่ทัน
                “นายไปหาข้อมูลของชาวบ้านมาให้เยอะที่สุดนะ ทั้งชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น ที่อยู่ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้ อืม...แค่นี้ก็น่าจะพอ นายไปหาข้อมูลมา แล้วผมจะช่วยคิดอีกที” สารวัตรคนเก่า ขอให้นายตำรวจไปสืบหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาให้เยอะที่สุด
                “หรือว่ามันจะเหมือนในละครหลังข่าว ที่สารวัตรคนใหม่ชอบเปิดตัวแปลกๆ เป็นฮีโร่บ้าง เป็นโจรทดสอบตำรวจอย่างเราบ้าง” นายตำรวจ คิดอะไรแผลงๆ เพื่อว่าชีวิตจริงจะเหมือนในละครหลังข่าวที่สารวัตรคนใหม่จะปลอมตัวมาทดสอบพวกเค้า
                “เอ้า แล้วนั่นใครจูงรถมอเตอร์ไซต์เก่าๆ ยางแบนเข้ามาที่ สน.ล่ะนั่น ที่นี่ไม่ใช่ร้านปะยางนะ ... นายเป็นใคร แล้วจูงรถมอเตอร์ไซต์เข้ามาทำไมเนี้ย” นายตำรวจ ถามชายแปลกหน้าที่จูงรถมอเตอร์ไซต์ ยางแบนเข้ามาที่ สน.
                “อ่อ ผมเหรอ สารวัตรคนใหม่ทีจะมาประจำที่ สน.นี้ไงครับ” ชายแปลกหน้าตอบ
                “หึหึ สารวัตรคนใหม่ เปิดตัวแปลกจริงๆด้วย จูงรถมอเตอร์ไซต์ ยางแบนเข้ามาที่ สน.เนี่ยนะ” นายตำรวจ อดขำไม่ได้ที่ตัวเองคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย และก็ขำสารวัตรคนใหม่ที่เปิดตัวได้ฮาไม่น้อย ก่อนที่จะลงไปต้อนรับ และช่วยเหลือสารวัตรคนใหม่
                “อ่อ เรื่องราวมันเป็นแบบนี้นี่เอง งั้นก็แสดงว่างานแรกของผมที่นี่ก็คือ การจับตัวจอมโจรหน้าเปื้อยยิ้มให้ได้สินะครับ” หลังจากที่สารวัตรคนใหม่ จัดการกับมอเตอร์ไซต์ของเขาเรียบร้อยแล้ว ก็มารับฟังถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นจากนายตำรวจ
                “เอาเป็นว่า ผมขอเวลา 2 วัน ในการหาหลักการในการขโมยของมันนะครับ ฝากบอกชาวบ้านด้วยว่า ไม่ต้องกลัวมัน ทำตัวให้เป็นปกติอีก 2 วัน มันขโมยอะไรของใครไป ให้มาแจ้งความ แล้วอีก 2 วันผม ผมจะจับมันเอง เออ...เดี๋ยวขอข้อมูลของชาวบ้านทั้งหมดที่หามาได้ให้ผมด้วยนะครับ ผมจะเอามาตามหาหลักการครับ” สารวัตรคนใหม่ไฟแรงเลยทีเดียว
                คืนวันที่สี่ จอมโจรหน้าเปื้อนยิ้ม ได้ไปขโมยต้นพริกชี้ฟ้าที่บ้านของนางสวย และคืนวันที่ห้า จอมโจรหน้าเปื้อนยิ้ม ได้ไปขโมยปลาแห้งที่บ้านนางนวล
                “หลังจากที่ปล่อยให้ จอมโจรหน้าเปื้อนยิ้ม ออกขโมยของในหมู่บ้านไป 5 วันแล้ว คืนนี้ผมจะจับมันให้ได้แน่นอนครับ” สารวัตรคนใหม่ ออกตัวล้อฟรีเลยทีเดียว ในการมาพบกับชาวบ้านเป็นครั้งแรกที่ลานประชุมของหมู่บ้าน
                “โห ท่านสารวัตรครับ ออกตัวแรงขนาดนี้ ระวังหน้าหงายนะครับ” ผู้ใหญ่บ้าน แซวสารวัตรคนใหม่ขำๆ
                “เดี๋ยวก็รู้ครับ ว่าจะหงายหรือไม่ คืนนี้เราจะไปซุ่มจับจอมโจรหน้าเปื้อนยิ้มกันที่บ้านของนวยจวน” สารวัตรคนใหม่ทำท่ามั่นใจสุดๆต่อหน้าชาวบ้านทุกคน ว่าคืนนี้จับจอมโจรหน้าเปื้อนยิ้มได้แน่นอน
                “สารวัตรคนใหม่เค้าเก่งเหมือนกันนะครับท่าน เค้าสามารถหาหลักการของจอมโจรหน้าเปื้อนยิ้มเจอจนได้ เค้าเอาเลขที่บ้านทุกตัวของแต่ละบ้านมาบวกกัน แล้วไล่ขโมยจากผลลัพธ์ที่น้อยไปหามาก
                นายแดง เลขที่บ้าน 10 ก็ 1+0 = 1 โดนคนแรกเลย
                ลุงศร เลขที่บ้าน 11 ก็ 1+1 2 โดนคนที่สอง
                ลุงอ่ำ เลขที่บ้าน 22 ก็ 2+2 = 4 โดนคนที่สาม
                นางสวย เลขที่บ้าน 14 ก็ 1+4 5 โดนคนที่สี่
                นางนวล เลขที่บ้าน 13/5 ก็ 1+3+5 9 โดนคนที่ห้า
                นายจวน เลขที่บ้าน 71/2 ก็ 7+1+2 10 ซึ่งก็เป็นคนที่หก ที่คาดว่าจอมโจรหน้าเปื้อนยิ้มจะไปขโมยคืนนี้” นายตำรวจ โทรศัพท์บอกกับสารวัตรคนถึงความฉลาดที่ไม่ธรรมดาของสารวัตรคนใหม่
                แต่ในคืนนี้ สารวัตรคนใหม่ ก็ต้องหน้าหงาย เพราะไม่สามารถจับจอมโจรหน้าเปื้อนยิ้มได้ ซึ่งสิ่งที่เขาพบมีเพียงจดหมายฉบับหนึ่งตกอยู่ข้างๆบ้านของนายจวน โดยในจดหมายเขียนไวว่า...
                “ฉันไม่ให้จับหรอกนะสารวัตรคนใหม่ แล้วของที่ฉันขโมยไป ตอนนี้มันอยู่ที่ลานประชุมแล้ว ไปเอามาคืนให้ชาวบ้านด้วยนะ”
                สารวัตรคนใหม่ถึงกับหน้าหงาย อายมากที่คุยไว้เยอะ แต่ชาวบ้านก็ไม่ได้ว่าอะไรเค้าเลย กลับขอบคุณซะอีก ที่มองหลักการของจอมโจรหน้าเปื้อนยิ้มออก จนมันต้องหนีไป
                “นี่มันลายมือของสารวัตรคนเก่านี่ เล่นอะไรแผลงๆจริงท่าน” นายตำรวจ อ่านจดหมายที่จอมโจรหน้าเปื้อนยิ้มทิ้งไว้ให้สารวัตรคนใหม่ แล้วก็รู้ทันทีว่าสารวัตรคนเก่าได้ทำการทดสอบสารวัตรคนใหม่เข้าให้แล้ว

ความคิดเห็น