ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 39 (เรื่องสั้น) ... คนร้าย ตัวประกัน และความสัมพันธ์อันดี



     "ข้างในมีตัวประกันสองคนครับ เป็นเจ้าของบ้านที่โดนคนร้ายจับไว้เพื่อต่อรองการหลบหนีครับ" จ่าสองรายงานสารวัตรสมชาย ซึ่งมาอยู่ในที่เกิดเหตุ เพื่อเจรจาช่วยเหลือตัวประกัน และหาทางเกลี้ยกล่อมให้คนร้ายมอบตัว
   
     "กระจายกำลังออกไปปิดล้อมบ้านไว้ให้หมดทุกทาง อย่าให้คนร้ายมีางหนีไปได้ เพราะคนร้ายก่อคดีร้ายแรง ถ้าปล่อยให้หนีไปได้ อาจจะเป็นอันตรายต่อคนอื่นในอนาคตได้" สารวัตรสมชาย ออกคำสั่งให้ลูกน้องตำรวจที่มาปฏิบัติงานในครั้งนี้อย่างมืออาชีพ
    
     "เราทำการล้อมไว้หมดทุกทางแล้วครับ แต่เออ..." จ่าสองรายงานการทำการปิดล้อมบ้านที่คนร้ายเข้าไปจับตัวประกันต่อสารวัตรสมชาย แต่ดูเหมือนจ่าสองจะยังมีอะไรที่พูดไม่จบ แต่ก็สายไปเสียแล้ว เมื่อสารวัตรสมชายหยิบโทรโข่งขึ้นมาพูดกับคนร้ายซะก่อน

     "เฮ้ย คนร้ายที่อยู่ในบ้านน่ะ ตอนนี้ตำรวจทำการล้อมไว้หมดแล้ว ทิ้งอาวุธ แล้วยอมมอบตัวแต่โดยดี โทษหนักจะได้เป็นเบา" สารวัตรสมชายพูดจบ คนร้ายถึงกับคิ้วขมวดเป็นเลขแปดเลยทีเดียว

     "ล้อมไว้หมดแล้ว ล้อมทำไม บ้านหลังนี้เป็นบ้านแฝด ด้านซ้ายมีบ้านแฝดอีกหลัง และต่อด้วยบ้านแฝดอีก 1 คู่ ด้านขวาก็ติดกำแพง แล้วก็บ้านแฝดอีก 1 คู่ ด้านหลังยิ่งไปกันใหญ่ ทะเลสาบของหมู่บ้าน มันจะล้อมทำไมเนี่ย เราไม่ใช่ซุปเปอร์แมนนะเว้ย ที่จะทะลุกำแพง เหาะข้ามน้ำได้ บ้าปะเนี่ย" คนร้ายบ่นพึมพำๆอยู่คนเดียว ด้วยสีหน้างงๆ

     "สารวัตรครับ ที่ผมบอกว่าล้อมไว้หมดทุกทางแล้วเนี่ย มันทำได้แค่ด้านหน้าบ้านแค่นี้แหละครับ ทางอื่นล้อมไม่ได้ครับ มันไม่มีพื้นที่ครับ" จ่าสอง แอบกระซิบบอกสารวัตร

     "อ้าว ซวยละ หน้าแหกเลยผม อายคนร้ายมันมั้ยล่ะเนี่ย" สารวัตรสมชาย บ่นเบาๆกับจ่าสอง "ช่างมันเถอะ ขู่ไว้ก่อน เผื่อคนร้ายกำลังตกใจ อาจจะไม่ทันคิด สมองอาจจะฝ่อ อาจจะกำลังโง่อยู่ก็ได้" สารวัตรสมชาย บอกกับจ่าสองแก้เขิน

     "ฮัดชิ้ว!!!...จามครั้งเดียวเค้าว่ามีคนนินทา ใครนินทาเราเนี่ย กำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน นินทาไม่รู้จักเวล่ำเวลาเลย สาธุ ใครนินทาเราเมื่อกี้ ขอให้มันจามบ้าง เพี้ยง!!!" คนร้ายทำท่าทางหงุดหงิด เพราะดันมีคนนินทาให้จามผิดเวลา

     "ฮัดชิ้ว!!!...ใครนินทาเราเนี่ย หรือจ่าสองไม่ได้อาบน้ำ แล้วมาอยู่ใกล้ผม ผมจามเลยเนี่ย" สารวัตรสมชาย ที่นินทาคนร้ายเมื่อกี้ เจอคนร้ายแช่งกลับมา เลยต้องจามไปด้วยอีกคน แต่เค้าไม่รู้จามเพราะอะไร เลยแซวจ่าสองว่าไม่ได้อาบน้ำมาทำงานใช่รึเปล่า

     "อ้าวเฮ้ย สารวัตรจามแฮะ หรือว่าคนที่นินทาเราเมื่อกี้คือสารวัตร" คนร้ายซึ่งแอบมองกลุ่มตำรวจอยู่เห็นสารวัตรเป็นคนจาม ก็ทำหน้าสงสัยคิ้วขมวดอีกครั้ง

     "ปล่อยเราสองคนเถอะนะ เราสองคนจะไม่ไหวแล้ว" ตัวประกันที่เป็นเจ้าของบ้านนั้น เป็นสามี ภรรยากัน ที่พึ่งมาเช่าบ้านหลังนี้อยู่เมื่อสองเดือนก่อน ขอร้องให้คนร้ายปล่อยตัวพวกเขา เพราะตอนนี้พวกเขาจะไม่ไหวแล้ว

     "หือ เราสองคนจะไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวอะไร ใครเป็นอะไร" คนร้ายสงสัยกับคำขอร้องของตัวประกันที่ขอร้องแปลกๆ ไม่เคยได้ยินมาก่อน

     ตัวประกันผู้ชายทำหน้าอายๆ แล้วทำสีหน้า และสายตาชี้ไปทางถังขยะที่วางอยู่ข้างๆชั้นวางของ

     "อะไรของมัน" คนร้ายบ่นๆ แล้วก็เดินไปดูที่ถังขยะข้างๆชั้นวางของ ก่อนจะค้นถังขยะ แล้วก็ทำท่าตกใจ อ้าปากค้าง แล้วก็เดินกลับมาหาตัวประกันที่จับมัดไว้ ทำการค้นตัวทั้งสองคนจนแน่ใจว่า สิ่งที่เห็นในถังขยะ มันใช้ได้จริงๆ ก่อนที่จะยอมทำการปล่อยตัวประกัน

     "ผมจะปล่อยพวกคุณเข้าไปในห้องน้ำนะ แต่ขอบอกว่าอย่าคิดสู้ ไม่งั้นเจ็บตัวแน่ๆ" คนร้ายขู่ตัวประกันทั้งสองคนด้วยหน้าตาจริงจัง ก่อนจะแก้เชือกที่มัดทั้งคู่ไว้ ตัวประกันทั้งสองคนไม่มีท่าทีคิดสู้เลย แต่กลับยิ้มดีใจ และรีบพากันวิ่งเข้าห้องน้ำทันที

     "เอาไงต่อล่ะทีนี้ ดันใจอ่อนปล่อยตัวประกันเข้าห้องน้ำไปละ จะเอาอะไรไปต่อรองกับตำรวจดีล่ะเนี่ย" คนร้ายบ่นกับตัวเองที่ดันใจอ่อนปล่อยตัวประกัน จนทำให้ตัวเองต้องปวดหัว หาทางต่อรองหนีลำบากขึ้น

     "เฮ้ย คนร้ายข้างใน ตัวประกันเป็นยังไงบ้าง ยังมีชีวิตอยู่ใช่มั้ย" สารวัตรสมชาย พูดกับคนร้ายในบ้านด้วยโทรโข่ง เพื่อสอบถามถึงความปลอดภัยของตัวประกัน

     "โห เอาเปรียบกันซะจริงๆ ตัวเองเล่นโทรโข่ง พูดเบาๆก็ได้ยิน แต่เราต้องตะโกนออกไป เจ็บคอนะเนี่ย" คนร้ายไม่อยากตะโกน เพราะไม่อยากเจ็บคอ เลยมองหาเครื่องเสียงของเจ้าของบ้าน แล้วก็ดันมีซะด้วย คนร้ายจัดการต่อเครื่องเสียง ต่อไมค์ ก่อนจะเปิดสุดเสียงแล้วพูดเบาๆ... "สบายดี อี อี อี อี..." คนร้ายยิ้มเพราะเครื่องเสียงแจ่มจริง

     สารวัตรสมชายทำท่าปาดเหงือ "แหม ข่มกันเห็นๆ เล่นเครื่องเสียงเลยนะ เดี๋ยวคอยฟังนะ หญิงลี ขอใจแลกเบอร์โทร มาแน่ๆ" สารวัตรสมชายพูดกับจ่าสองที่กำลังอิน กับเสียงอันทรงพลัง นุ่มลึก ของเครื่องเสียง เนื่องจากว่าจ่าสอง เป็นคนชอบเล่นเครื่องเสียง แต่งเครื่องเสียง ชอบฟังเพลง ร้องเพลง

     "ทำไมถึงคิดว่าคนร้ายจะร้องเพลง ขอใจแลกเบอร์โทร ของหญิงลี ล่ะครับ" จ่าสองสงสัย

     "จ่าดูป้ายโฆษณาคอนเสิร์ตลูกทุ่งที่เสาไฟฟ้าหน้าบ้านสิ หญิงลีเด่นมาก" สารวัตรสมชาย พูดไม่ทันขาดคำ

     "ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากหัวใจ ....."คนร้ายก็ร้องเพลงขอใจแลกเบอร์โทร ของหญิงลี ออกมาจริงๆ เสียงเพราะซะด้วย

     "หือ..." จ่าสองทำหน้าอึ้ง แล้วก็มองหน้าสารวัตรสมชาย "เป็นไปได้"

     เวลาผ่านไปราว 30 นาที การเจรจา และกดดันคนร้ายยังไม่เป็นผล คนร้ายยังคงซ่อนตัวอยู่ในบ้านพร้อมกับตัวประกัน สารวัตรสมชายจึงต้องหาทางจัดการด้วยแผนใหม่

     "จ่าสอง คนร้ายเป็นคนในพื้นที่รึเปล่า ไปสอบถามชาวบ้านมาให้ผมที" สารวัตรสมชาย สั่งจ่าสองให้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อคิดหาแผนใหม่ในการจับคนร้าย

     "เป็นคนในพื้นที่ครับ เป็นคนในหมู่บ้านนี้แหละครับ คนร้ายชื่อว่านาย ตูน บ้านอยู่อีก 2 ซอยถัดไปครับ อยู่บ้านคนเดียว ไม่มีคนอาศัยอยู่ด้วยครับ" จ่าสองรายงานข้อมูลคนร้ายให้กับสารวัตรสมชายทราบทันที โดยที่ยังไม่ทันได้ไปถามชาวบ้านแถวนั้นเลย

     "อ้าว จ่าไปสอบถามชาวบ้านมาตอนไหน แล้วสอบถามมาขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่รีบรายงานผมล่ะ" สารวัตรสมชายสงสัย ว่าทำไมจ่าสองถึงรู้ข้อมูลละเอียดขนาดนั้น ไปถามใครมาตอนไหน แล้วทำไมไม่รีบรายงาน

     "ก็สารวัตรไม่ได้สั่งให้ไปถามนี่ครับ ผมไปถามมาเอง ผมเลยนึกว่าสารวัตรไม่อยากรู้ อีกอย่างสารวัตรก็ไม่ได้ถามผม ผมเลยไม่ได้รายงานไงครับ" สารวัตรสมชาย หันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับจ่าสอง "เสร็จงานนี้ เจอกันนะจ่า" จ่าสองมีอาการหนังตาขวากระตุกทันที

     "หลักฐานมัดตัวแน่นขนาดนี้ ยังไงๆก็ต้องจับตัวมาดำเนินคดีให้ได้นะจ่า ขืนปล่อยไว้จะเป็นอันตรายต่อคนอื่นจริงๆแหละ" สารวัตรสมชายกับจ่าสอง ไปที่บ้านของนายตูน เพื่อหาดูหลักฐานต่างๆ เพื่อดูว่านายตูนเป็นบุคคลอันตรายจริงหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจค้นภายในบ้านพบว่า นายตูนเป็นบุคคลอันตรายจริงๆ ที่ต้องรีบจับตัวมาดำเนินคดี ไม่เช่นนั้นแล้วจะเป็นอันตรายต่อคนอื่น

     "เฮ้ย สองคนในห้องน้ำน่ะ เสร็จรึยัง นานเป็นชั่วโมงละนะ จะอยู่ในห้องน้ำจนถึงพรุ่งนี้เช้าเลยรึยังไงกัน ออกมาเป็นตัวประกันได้แล้ว" คนร้ายเริ่มร้อนใจ เพราะตัวประกันสองคนที่ปล่อยเข้าไปในห้องน้ำยังไม่ยอมออกมาสักที

     แต่ยังไม่ทันที่ตัวประกันในห้องน้ำจะตอบอะไรกลับออกมา สารวัตรสมชายก็พูดกับคนร้ายซะก่อน

     "นายตูน ผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณแล้วนะ ว่าคุณเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหน และเราก็ได้ไปตรวจค้นบ้านของคุณมาแล้ว ผมเจอของกลางมากมาย ผมขอให้คุณยอมมอบตัวแต่โดยดี โทษหนักจะได้เป็นเบา" สารวัตรสมชาย เสนอข้อต่อรองให้กับคนร้ายอีกครั้ง หลังจากที่ไปตรวจค้นที่บ้านของคนร้ายมาแล้ว

     คนร้ายได้ยินสารวัตรพูดแบบนั้น ก็ทำให้ตกใจมาก และได้เปลี่ยนความคิดที่จะหนี เป็นยอมมอบตัวแทน เพราะจากหลักฐานที่บ้าน ทำให้เค้าต้องยอมจำนน แต่เค้าก็ต้องการหลักประกันว่า ถ้าออกไปมอบตัวแล้ว จะไม่โดนรุมทำร้าย

     "เออ...ผมยอมมอบตัวแล้วครับสารวัตร แต่ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่า ถ้าผมออกไปมอบตัวแล้ว ผมจะปลอดภัย ไม่โดนบุกทำร้าย" คนร้ายถามถึงความปลอดภัยหลังจากที่ยอมมอบตัว

     "เดี๋ยวผมจะให้สาวสวย 5 คน ช่วยไปเป็นการ์ดให้ ตกลงรึเปล่า" สารวัตรสมชาย ยื่นข้อเสนอให้คนร้าย

     "ตกลง ตามนั้นครับสารวัตร" คนร้ายยอมรับข้อเสนอ และมอบตัวในที่สุด

     "เป็นไงบ้างตูน เจอคุกเข้าไป 3 ปี เต็มอิ่มเลยสิ" ชายผู้ซึ่งเคยโดนตูนจับเป็นตัวประกันเมื่อ 3 ปีก่อน มารับตูนออกจากคุก ตอนนี้ทั้งสองคนได้กลายเป็นเพื่อนกันไปแล้ว ถึงแม้ว่าตูนจะเคยจับเค้าเป็นตัวประกันก็ตาม

     "อิ่มสิครับโต้ง แต่ออกมาแล้วผมก็คงเลิกไม่ได้หรอก แต่คงจะพยายามทำให้น้อยที่สุด กลัวเจอคุกอีก" ตูนบอกกับโต้ง

     "พ่อๆ ปวดฉี่" ลูกสาวของโต้งวัย 2 ขวบที่กำลังหัดพูดเข้ามาหาพ่อ เพราะรอพ่อนานจนปวดฉี่ แต่ก็ไม่ยอมให้แม่พาไปฉี่

     "อย่าบอกนะว่านี่คือ ผลงานจากวันนั้นน่ะโต้ง" ตูนยิ้มอย่างมีความสุขให้กับสาวน้อยวัย 2 ขวบที่เดินเข้ามาหาพ่อ

     "ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่ก็คิดว่าน่าจะใช่แหละ เพราะจากในห้องน้ำชั่วโมงกว่าๆ พอตูนยอมมอบตัว แล้วผมเคลียร์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเสร็จ ผมก็ต่อกับแฟนในห้องนอนยันเช้าเลย แล้วก็พักยาวเกือบเดือนเลยเหมือนกัน กว่าจะเริ่มมีอะไรกันอีกรอบ เพราะมันแบบ..ระบมไปหมด พอมาคำนวณระยะเวลาดูแล้ว ก็คิดว่าน่าจะใช่วันนั้นแหละ ต้องขอบใจตูนด้วย ที่มีน้ำใจมากพอ ที่ยอมปล่อยผมกับแฟนเข้าห้องน้ำน่ะ" โต้งร่ายยาวถึงเหตุการณ์หลังจากที่ตูนยอมมอบตัว แล้วก็ขอบคุณตูนไปด้วย

     "โอ้โห สุดยอดจริงๆ แต่ก็สมควรแล้วล่ะ ทั้งยาอึด ยาปลุก ยาอะไรอีกก็ไม่รู้ผมดูไม่ออก ยาเยอะขนาดนั้น ไม่บ้าทำไม่ได้นะเนี่ย ผมค้นเจอในถังขยะครั้งแรกยังตกใจเลย ยิ่งมาค้นตัวโต้งกับแฟนยิ่งชัดเจน ไม่ปล่อยตัวก็คงโหดร้ายเกินไป" ตูนบอกกับโต้ง

     "ก็อยากมีลูกเร็วๆนี่หน่า เลยจัดหนักๆ จัดเต็มๆ แต่ว่าผมก็ไม่บ้าเท่าตูนนะ ที่ไปขโมยกางเกงในผู้ชายมาสะสมเนี่ย สะสมจนเจอดี หาเรื่องขโมยกางเกงในนายทหารใหญ่ แล้วโดนจับได้ จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปจับผมเป็นตัวประกัน แล้วก็ติดคุกซะ 3 ปีเลย นี่ยังดีนะไม่โดนเจ้าทุกข์ตามมากระทืบ ถึงตายได้เลยนะนั่น" โต้งอธิบาย พร้อมกับแซวตูน

     "ก็ผมชอบแบบนี้นี่ ชอบของผู้ชาย แต่หลังจากนี้คงต้องเบาๆลงหน่อยล่ะ" ตูนพูด พร้อมแหงนหน้ามองฟ้า ราวกับจะบอกกับฟ้าว่า ทำไมถึงทำให้เรามีนิสัยแบบนี้กันนะ

     "ผมต้องระวังของผมด้วยรึเปล่าเนี่ย" โต้ง ทำหน้าคิ้วขมวดถามตูน

     "แน่นอน!!!" ตูน ตอบเสียงหนักแน่น แล้วก็ยิ้มให้โต้ง

     "หือ...!!!"

ความคิดเห็น