ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตอนที่ 3 (เรื่องสั้น) ... ตัวอย่าง



                 ณ ลานกว้างแห่งหนึ่งในเมืองศิวิไลซ์ ที่เรียกว่า กรุงเทพมหานคร ลาดกว้างแห่งนี้เป็นลาดคอนกรีต เวลากลางวันจะอยู่กันตรงนี้ไม่ได้เลยเพราะมันร้อนมาก แต่ถ้าตกเย็นเมื่อไหร่ที่นี่จะมีลมพัดแทบจะตลอดเวลาทำให้เย็นสบาย ซึ่งด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ผู้คนชอบมารวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งเดินเล่น ออกกำลังกาย หรือรวมไปถึงหนุ่มสาวมาจีบกัน
                แต่ในวันนี้มีคนๆหนึ่ง ที่ใจกล้าและบ้าบิ่น เอาเก้าอี้มาวางที่ลานกว้างเป็นแถวหน้ากระดานประมาณ แถว แถวละ ตัว รวมทั้งหมดก็ 24 ตัว พร้อมกับมีกล่องกระดาษขนาดใหญ่วางอยู่ด้านหน้าแถวเก้าอี้พวกนั้น แล้วมีกระดาษขนาด A3 แปะอยู่เขียนว่า “ป่วยการบันเทิง”
                เวลาประมาณห้าโมงเย็น คนที่ลานกว้างเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าคนที่มาที่ลานกว้างต้องสะดุดตากับแถวเก้าอี้ที่จัดเรียงกันไว้เป็นอย่างดี บางคนก็เข้าไปใกล้ๆกล่องกระดาษเพื่ออ่านข้อความที่กระดาษ A3 แล้วก็เกาหัวแบบงงๆเดินออกมา
            หกโมงตรง ทุกคนที่ลานกว้างยืนตรงเคารพธงชาติเพื่อแสดงความรักชาติ สิ้นเสียงเพลงชาติได้มีชายคนหนึ่งแต่งตัวด้วยชุดชาวดอย มายืนอยู่ตรงกล่องกระดาษ ยื่นนิ่งๆ ไม่ขยับ ไม่พูดอะไร แต่ผู้คนก็เริ่มสนใจมากขึ้นเพราะการแต่งตัวของเขา บางคนก็มานั่งที่เก้าอี้ที่ถูกจัดเตรียมไว้ เวลาผ่านไปพอสมควร จากเก้าอี้ที่ว่างๆ 24 ตัว ตอนนี้เหลือว่างเพียง ตัวเท่านั้น
                และแล้วเวลาของการทอร์คโชว์ก็เริ่มขึ้น หลังจากที่ไฟสปอร์ตไลท์ได้ถูกเปิดขึ้น ในเวลาหกโมงครึ่ง
                “สวัสดีครับ ผมชื่อ ซื่อ นะครับ บางคนเรียกผมว่า ซื่อบื้อ บ้างก็เรียกว่า ซื่อสัตย์ มันก็แล้วแต่ใครจะเรียกยังไงล่ะครับ ผมไม่คิดอะไรมากมาย ดีซะอีกมีตั้งหลายชื่อ น้อยคนนักที่จะทำแบบผมได้ บ้านผมเหรอ บ้านผมมีภูเขาอยู่หน้าบ้านครับ แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นถึงชอบเรียกผมว่าไอ้หลังเขา เพราะผมก็บอกแล้ว ภูเขาอยู่หน้าบ้าน ไม่ได้อยู่หลังเขา”
                ถึงตอนนี้เก้าอี้ 24 ตัวถูกจับจองเต็มหมดแล้ว ยังไม่นับที่ยืนดูรอบๆอีกหลายคน ซึ่งรวมๆแล้วก็คงประมาณ 40-50 คนน่าจะได้ ด้วยบุคลิก ท่าทาง รวมถึงการพูดที่ดูติดตลกด้วย ทำให้ผู้คนสนใจกันมากขึ้น
                “หนึ่ง สอง สาม .... สิบสี่ ทั้งหมดนี้ มีผู้หญิงที่ทั้งสาว และไม่สาว มานั่งรับฟังผมสิบสี่คนถ้วน มีผู้ชายคนไหนแอบอยากเป็นสาวรึเปล่าครับ” สิ้นเสียงของนายซื่อ ก็มีทั้งรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะจากผู้ชมตามมา ถือว่าเป็นการผ่อนคลายความกดดันได้ดีไม่น้อย
                นายซื่อ หยิบเสื้อชั้นในผู้หญิงออกมาจากกล่องกระดาษที่วางไว้ ตัว “ไม่ได้เอามาแจก ไม่ได้เอามาใส่เองนะครับ แต่จะเอามาถามสาวๆว่า รู้จักเสื้อชั้นในรุ่นนี้รึเปล่าครับ” แล้วนายซื่อ ก็ยื่นเสื้อชั้นในให้สาวๆที่นั้งอยู่ได้ลองพิจารณาดู
                “ได้คำตอบรึยังครับ ว่าเสื้อชั้นในรุ่นนี้ รุ่นอะไร”
                “โมเดิร์นจี ค่ะ” เสียงของสาววัยรุ่นคนหนึ่งตอบขึ้นมา
                “ถุ ถุ ถุ ถูกต้องนะคร้าบบบบบ” นายซื่อ เฉลยคำตอบพร้อมกับทำท่าแฟนพันธุ์แท้ชี้นิ้วไปทางสาววัยรุ่นคนนั้น แล้วเสียงปรบมือก็ดังขึ้น ทำเอาสาววัยรุ่นอายหน้าแดงเลยทีเดียว
                “ทีแรกพี่ไม่ได้จะเอามาแจกนะครับ เพราะพี่สอยมาจากราวตากผ้าห้องข้างๆ ต้องรีบเอาไปคืน เดี๋ยวเจ้าของจะตามหา แต่พี่เปลี่ยนใจละ พี่แจกให้น้องละกัน เพราะน้องใจกล้า แล้วก็น่ารักมาก น้องเอามั้ย” สาววัยรุ่นทำหน้าเหวอ พร้อมกับทุกคนที่ฟังนายซื่อพูดอยู่
                “ผมล้อเล่นนะครับทุกคน เสื้อชั้นในตัวนี้ผมใจกล้าหน้าด้านไปซื้อเองกับมือที่ห้างเองครับ ไม่เชื่อดูใบเสร็จรับเงินได้เลยครับ ซื้อเมื่อเช้านี้เอง เอาล่ะ พี่ยกให้น้องเลยนะครับ” พูดเสร็จนายซื่อก็ยื่นเสื้อชั้นในรุ่นโมเดิร์นจีให้สาววัยรุ่นไป สาววัยรุ่นรับไปก็อายๆ แล้วรีบเอาใส่กระเป๋าถือของตัวเองทันที
                “เอาล่ะครับ เข้าประเด็นกันเลยก็แล้วกันนะครับเพราะเดี๋ยวมันจะมืดค่ำเกินไปกว่านี้ ที่ผมมาทอร์คโชว์ในวันนี้ ก็เพราะโมเดิร์นจีนี่แหละครับ” ทุกคนที่ฟังอยู่ต่างพากันสงสัยและซุบซิบกัน
                “โมเดิร์นจี ชิดกว่าจมอีกอะ” นายซื่อพูดเสียงดังขึ้นมา ทำให้คนที่กำลังคุยกันอยู่ต้องหยุดคุยกัน แล้วหันกลับมาสนใจในตัวเค้าอีกครั้ง
                นายซื่อชี้นิ้วไปที่สาววัยรุ่นที่ได้รับเสื้อชั้นในโมเดิร์นจีไปแล้วถามว่า “น้องกล้าใส่โมเดิร์นจี แล้วใส่เสื้อคอเว้าลึก โชว์ร่องนมแบบชิดกว่าจมหรือไม่” สิ้นเสียงของนายซื่อ ทุกคนต่างมุ่งเป้าไปหาสาววัยรุ่นคนนั้นทันที
                “กล้าค่ะ”
                “ทำไมน้องถึงกล้าใส่โมเดิร์นจี แล้วใส่เสื้อคอเว้าลึกโชว์ร่องนมให้ผู้ชายหน้าไหนก็ไม่รู้มามองด้วยสายตาที่หื่นกระหาย บางคนก็น้องชายแข็งโด่เพราะร่องนมของน้อง บางคนถึงกับพยายามจะแอบถ่ายรูป ถ่ายคลิปร่องนมของน้องกันเลยทีเดียว”
                สาววัยรุ่นนั่งอึ้ง เหมือนกำลังคิดอยู่ว่า ทำไมเราถึงกล้า
                “ยังไม่ต้องตอบ น้องเก็บคำตอบไว้ก่อน เอาไว้ตอบตัวเองที่บ้านก็แล้วกัน ส่วนตรงนี้พี่จะไปต่อ” ตอนนี้ทุกคนไม่มีเสียงหัวเราะ แต่ดูมีท่าทีจริงจังกับประเด็นที่นายซื่อจุดขึ้นมามากกว่า
                “ผมไม่มีอคติกับโมเดิร์นจีนะครับ เพราะโมเดิร์นจี คือสินค้าชิ้นหนึ่งที่คิดค้นขึ้นมาสำหรับสาวๆ ทั้งสาวแท้ และสาวเทียม อืม...แอบสาวก็น่าจะใช้ได้นะครับ” นายซื่อรู้ดีว่าถ้าทอร์คโชว์เรื่องเครียดๆจนไม่มีเสียงหัวเราะ ผู้คนอาจจะเลิกฟังได้ จึงต้องคอยแทรกมุขตลกเป็นระยะๆ
                “เคยสังเกตการณ์แต่งตัวของดาราสาวในปัจจุบันนี้รึเปล่าครับ ว่าดาราสาวส่วนหนึ่งชอบแต่งตัวแบบ.....อืม...แบบโชว์เกินความจำเป็น ทั้งเสื้อตัวเล็ก รัดติ้ว เสื้อคอลึกทะลุทะลวง บางคนยิ่งหนักไม่ใส่เสื้อชั้นในออกสื่อกันเลยทีเดียว มองเห็น เออ...ภาษาชาวบ้านๆเลยละกันนะ หัวนมตั้งเป็นเม็ดกันเลยก็มี นั่นคือข้างบนนะครับ ส่วนข้างล่างก็นุ่งกางเกงสั้น สั้นแบบเสมอหู หรือยิ่งหนักสั้นเลยหูก็มี กางเกงรัดรูป รัดจนจิ๊มิออกมาสวัสดีชาวบ้านก็มี กระโปรงก็สั้น รู้นะครับว่าอยากจะโชว์ขาเรียวงาม แต่บางคนก็สั้นเกิน สั้นจนกางเกงในโผล่ทุกงานก็มี”
                นายซื่อพูดร่ายยาวจบลง ทุกคนเงียบกริบเหมือนกำลังคิดอยู่ว่า ที่นายซื่อพูดมามันก็คือความจริงของดาราสาวในปัจจุบันนี้ที่บางคนชอบแต่งตัวแบบนั้น
                “ผมเข้าใจนะครับ ว่าการแต่งตัวแบบนี้ มันทำให้พวกเค้ากลายเป็นจุดสนใจเรียกเรตติ้งได้เยอะ แต่ปัญหาที่ตามมาคือ ข่าวบันเทิงโดยปาปารัสซี่ ซึ่งข่าวพวกที่ว่า หวอดาราคนนั้นคนนี้ ลิงสีนั้นสีนี้ ไม่เห็นขอบกางเกงใน หรือร่องนม นมใหญ่ โนบรา จุกโผล่ แล้วก็มีรูปโชว์หราบนปกหนังสือข่าวบันเทิงวางขายทั่วไป มันคือการแอบถ่ายโดยถูกกฎหมายแบบนั้นหรือ”
            จบประโยคนี้ ทุกคนนิ่งเงียบเหมือนคอยติดตามที่นายซื่อพูด
                “เชื่อหรือไม่ว่า ข่าวบันเทิงที่มีรูปทั้งที่แอบถ่าย และไม่ได้แอบถ่าย มันทำให้คนที่เสพข่าวเป็นโรคจิตมากชึ้น ชอบแอบดูหวอ ชอบแอบดูนมของผู้หญิงที่แต่งตัวทั้งโป๊ และไม่โป๊ บางคนถึงกับแอบถ่ายไว้เองก็มี แต่ถ้าโดนจับได้มีความผิด”
                นิ่งครับ ทุกคนยังนิ่งอยู่ ไม่มีใครพูดคุยกัน
                “ผมไม่ใช่คนโลกสวยงามที่จะมาทำเป็นไม่ชอบ หรือรังเกียจการแต่งตัวของดาราสาวบางคน เพราะผมดูทีไร ผมก็ซู่ซ่าทุกครั้งเหมือนกัน ผมใม่ใช่คนโลกสวยงาม ที่จะทำเป็นไม่ชอบ หรือรังเกียจการแอบถ่ายต่างๆ เพราะผมเองก็ชอบดู และเคยสำเร็จความใคร่ด้วยภาพพวกนั้นเหมือนกัน”
                สิ้นประโยคนี้ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียกกันว่า “อ้าว” แต่ก่อนที่ใครสักคนจะพูดอะไรขึ้นมา นายซื่อก็ชิงพูดประโยคปิดท้ายก่อนทันที
            “แต่สิ่งที่ผมตั้งหัวข้อในวันนี้ขึ้นมาว่า “ป่วยการบังเทิง” เพราะผมอยากให้สาวๆที่อยู่ตรงนี้ทุกคน อย่าเลียนแบบดาราสาวบางคนที่ชอบแต่งตัวโป๊ๆ เพื่อเรียกเรตติ้ง พวกคุณควรแต่งตัวให้ดี มิดชิด มีกาลเทศะ เพราะพวกคุณคือ ตัวอย่างของเด็กและเยาวชน คุณรู้หรือไม่ว่า เด็กและเยาวชนเลียนแบบสิ่งผิดๆ แต่งตัวโป๊ๆ โพสลงเฟสบุ๊คเยอะมากขนาดไหนแล้ว เพียงแค่ต้องการเรตติ้งดีๆ หรือบางคนถึงกับแต่งโป๊ออกมาเดินกันในโลกความเป็นจริงเลยก็มี แล้วปัญหาทางเพศก็เพิ่มขึ้น
                หนุ่มๆที่อยู่ตรงนี้ก็เหมือนกันนะครับ อย่าเลียนแบบปาปารัสซี่ พยายามแอบถ่ายหวอ ถ่ายนม แล้วไปโพสในโลกออนไลน์ทั้งบนดิน และใต้ดินเลยครับ มันจะทำให้สังคมไทยแย่ลงทุกวัน การแอบถ่ายจะเยอะขึ้น ปัญหาทางเพศก็จะเยอะขึ้น
                ช่วยๆกันนะครับ เพราะตอนนี้สังคมไทยกำลังป่วย อาการป่วยอย่างหนึ่งของสังคมไทยก็คือ ป่วยการบันเทิงนี่แหละครับ ครั้งหน้าผมจะกลับมาใหม่ กับป่วยการละครนะครับ ขอบคุณครับ”
                สิ้นเสียงของนายซื่อ ทุกคนปรบมือให้ แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนนายซื่อก็ต้องเก็บเก้าอี้ของตัวเองเพื่อขนกลับบ้านเช่นกัน
                “พี่คะ หนูจะไม่แต่งโป๊แล้วค่ะ หนูจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับทุกคนค่ะ ไม่เว้นแม้แต่เด็กและเยาวชน” สาววัยรุ่นคนที่ได้รับโมเดิร์นจีไป กลับมาช่วยนายซื่อเก็บเก้าอี้ พร้อบกับคำมั่นสัญญาที่มีให้กับนายซื่อ

ความคิดเห็น